25.1.09

จดหมายข่าววัชรปัญญาประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๒

ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของวัชรยาน คือ ปณิธานที่จะลงมาเกลือกกลั้วกับประสบการณ์พื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ที่ผู้ฝึกเคยตัดสินว่าเป็นประสบการณ์ "โลกๆ" ที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว นั่นคือผู้ฝึกนำฐานการฝึกในโลกุตตรธรรม ความว่างปราศจากการปรุงแต่งของใจติดเนื้อติดตัวกลับมาสู่โลกธรรม เพื่อการค้นพบว่าทุกความเป็นจริงในโลกธรรมสามารถแสดงธรรมชาติเดิมแท้แห่งโลกุตระได้ทั้งสิ้น พลังแห่งการตื่นรู้ที่จะเข้าไปสัมผัสกับทุกประสบการณ์ของการดำเนินชีวิตอย่างไม่ตัดสิน เอ่อล้นออกมาจากความเต็มเปี่ยมของใจที่เปิดกว้างเรียนรู้ สามารถที่จะปลดปล่อยพลังทางปัญญาแห่งสถานการณ์นั้นๆให้โบยบินเป็นอิสระ

วัชรยานนำพาเอาปณิธานโพธิสัตว์ในขั้นมหายานสู่การเบ่งบานสูงสุด ฐานที่กว้างของใจสามารถแผ่ขยายออกไปอย่างไม่มีขอบเขตเงื่อนไข ทุกผู้คน ทุกอารมณ์ ทุกประสบการณ์ สามารถถูกหลอมรวมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลแห่งการฝึก ทุกสภาวการณ์สามารถแสดงถึงธรรมชาติแห่งการคลี่คลายด้วยตัวของมันเอง กลับสู่การเปิดกว้างและตื่นรู้อย่างสามัญ ขอเพียงแค่เรามีความไว้วางใจ ซื่อตรง และทำเข้าใจธรรมชาติของปมพัวพันเหล่านั้นตามที่เป็น การเดินทางด้านในก็จะเลื่อนไหลไปตามครรลองที่เหมาะสม

การเดินทางของผู้ฝึกฝนจึงจำเป็นที่จะต้องเปิดใจให้กับความหลากหลายของประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับตนเองเสมอ เราแต่ละคนจะต้องผ่านเรื่องราว อุปสรรค ความยากลำบาก การตายและการเกิดใหม่ ในจังหวะและท่วงทำนองที่ต่างกันไป บางประสบการณ์อาจดูเป็นเรื่องง่ายสำหรับบางคน แต่อาจเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับหลายคน มีเพียงเราเท่านั้นที่รู้ว่าสายกรรมจะนำพาให้เราได้เข้าไปคลี่คลายแง่มุมใดในชีวิตนี้ ณ ขณะนี้ ในช่วงเวลานี้

การเติบโตทางจิตวิญญาณในภาษาของวัชรยาน จึงไม่ได้วัดกันที่ "ดีขี้น" หรือ "สูงขึ้น" แต่ด้วยมิติของวัชรยานที่มุ่งเน้นไปที่กระบวนการ ธรรมชาติของการเติบโตจึงเป็นไปในลักษณะของการ "คลี่เผย" ของการเดินทางด้านใน (unfolding journey) ผู้ฝึกจะไม่ได้สูงส่งด้วยการรักษาภาวะที่แน่นิ่งของชีวิตไว้ แต่ความนิ่งและเยือกเย็นภายในจะแสดงออกเป็นมณฑลของการรับรู้ ที่จะเชื้อเชิญทุกแง่มุมของประสบการณ์ชีวิตให้ได้ผ่านเข้ามา ยิ่งเราเติบโตก้าวหน้าในการฝึกมากเท่าไร ยิ่่งว่าง ยิ่งเปลือยเปล่ามากเท่าไร การเดินทางด้านในของเราก็จะคลี่เผยให้เราได้พบกับ "ความคิดไม่ถึง" ได้มากเท่านั้น นั่นคือความหมายของโศลกอันเป็นที่โจทก์ขานของท่านตรุงปะ ที่ว่า "chaos is good news"

ในเบื้องต้นความโกลาหลอาจทำให้ผู้ฝึกอยู่ในภาวะตื่นผวาตลอดเวลา "จะเอายังไงกับกูอีก" เราอาจรำพึงรำพัน , "เดี๋ยวๆขอเบรคแป๊บนึง" เราอาจถึงขนาดไหว้วอน แต่ด้วยศรัทธาที่คงมั่น เรากลับมาสู่ฐานของการดำรงตนในเนื้อในตัว ทุกครั้งที่ตื่นผวา ไร้หลักยึดเกาะในภาวะ "คิดไม่ถึง" เราฝึกที่จะเปิดฐานการยอมรับให้กว้างขึ้นไปอีก กว้างขึ้นไปอีก ฝึกว่ายอยู่ในมหาสมุทรอันเวิ้งว้าง ลอยตัวอยู่ในอวกาศอันมืดมิด ดำรงตนอยู่ในมณฑลของชีวิตที่ทุกอย่างเป็นไปได้ จนกลายเป็นวิถีชีวิต ...วิถีของนักรบ

เป็นแง่มุมหนึ่งของการเดินทางที่ทั้งเศร้าและเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจไปพร้อมๆกัน บนพาหนะที่ไม่อาจถูกทำลายได้


วิจักขณ์
บ้านดอกแก้ว, เชียงราย