ในปี ๑๙๗๑ ซูซูกิ โรชิ เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ศิษย์ชาวตะวันตกของซูซูกิในชุดฝึกเสื้อคลุมสีดำ ยืนไว้อาลัยอย่างสงบนิ่ง แม้บางคนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แต่พวกเขาก็รวบรวมสติเผชิญกับอนิจจลักษณะของชีวิตได้อย่างคู่ควรแก่กาลเทศะ ทว่าไม่ไกลจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ ชายร่างเล็กในชุดสูทดำกำลังสะอึกสะอื้น ร้องไห้ครวญครางอย่างไม่อายใคร น้ำตาที่ปนด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ไหลอาบเสื้อเชิร์ตขาว สักพักชายผู้นี้เริ่มทรุดตัวลงไปกองกลิ้งอยู่กับพื้น ความเสียใจอย่างที่ไม่อาจพรรณาออกมาเป็นคำพูด และไม่อาจเก็บกลั้นไว้ภายใต้ความดูดีมีกาลเทศะ ศิษย์เซนชาวตะวันตกของซูซูกิต่างจ้องมองไปยังชายผู้นี้ และน้ำตาของพวกเขาก็เริ่มรินไหลอย่างที่ไม่อาจกลั้นไว้ได้อีกต่อไป
ชายผู้นั้น คือ วัชราจารย์ผู้ยิ่งใหญ่นาม เชอเกียม ตรุงปะ กับความจริงใจและตรงไปตรงมาที่มักจะทำให้ผู้ที่พบเห็นถึงกับตะลึงงัน ตัวตนทางจิตวิญญาณของเรารู้สึกถูกถางถางอย่างรุนแรง ด้วยวิถีแห่งการนัวเนียและดื่มด่ำอยู่กับชีวิตโลกๆได้อย่างไม่กลัวเกรงของชายผู้นี้
ท่านตรุงปะ เคยบอกกับศิษย์ของเขาว่า หากเขาไม่ใช่ลามะ ไม่ใช่รินโปเช แล้วมีใครเดินไปพบเขาในผับบาร์ หรือบนท้องถนน เขามั่นใจว่าจะไม่มีใครให้ความสนใจแก่เขาเลย ท่านตรุงปะยืนยันว่าเขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่วิ่งหนีจากชีวิตเพียงเท่านั้น ความทุกข์ ความเจ็บปวด และความเศร้า เป็นเส้นด้ายที่ร้อยเรียงพลังแห่งความจริงแท้ของธรรมาจารย์ผู้นี้ บุคคลที่บ้านแตกสาแหรกขาด ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีครูบาอาจารย์ผู้เป็นที่รัก ความโดดเดี่ยว ร่างกายที่พิการ เพื่อนรักที่ทรยศหักหลัง ศิษย์ที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของครู ทั้งหมดนี้คือความเป็นจริงในชีวิตของชายผู้นี้ กับหัวใจที่แตกสลาย อันส่องแสงเรืองรองเป็นวัชรธรรมะที่งดงาม จริงแท้ และแสนไพเราะ
การเดินทางบนเส้นทางสายนี้ หาใช่ทางเบี่ยงหรือทางออกจากความทุกข์ ขั้นแรกผู้ปฏิบัติรู้จักที่จะน้อมเข้าหา "ธรรมะ" แต่นั่นเป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น เส้นทางที่แท้จริงของผู้ปฏิบัติคือ การกลับเข้าไปซึมซับธรรมะที่แท้จากชีวิต ธรรมะที่ว่า ชีวิตคือความทุกข์ เราไม่มีวันที่จะได้สิ่งที่เราต้องการ และหลบเลี่ยงจากสิ่งที่เราไม่ต้องการได้ ไม่มีความแน่นอนใด นอกเสียจากความตาย ชีวิตมีเพียงเท่านี้ กับแต่ละชั่วขณะที่มีความหมายอย่างเต็มเปี่ยมในตัวของมันเอง ขอเพียงแค่เรารู้ที่จะปล่อยวาง ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงแว้บเดียวก็เปลี่ยนแปลงและผ่านพ้นไป กับความเศร้าพื้นฐานที่สถิตอยู่ในใจตราบใดที่เรายังดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์คนหนึ่งบนโลกใบนี้
เส้นทางสายนี้คือการฝึกที่จะดำเนินชีวิตไปอย่างสอดคล้องกับความเศร้าพื้นฐานแห่งผืนดินและผืนฟ้า เปิดใจยอมรับความเป็นไปของสัจธรรมอันดูเหมือนจะโหดร้ายเสียเหลือเกิน ทว่าเพียงแค่เราน้อมใจเข้าหาอย่างปราศจากความกลัวและความคาดหวัง เราก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่แห่งประสบการณ์ชีวิตในแต่ละขณะ เป็นความรักและความเมตตาอันแสนยิ่งใหญ่ ดั่งแสงเรืองรองของอาทิตย์อุทัยในยามเช้า ที่ฉายแสดงให้เราตื่น แต่ละรอย แต่ละริ้วแห่งการสั่นไหวของใจ ค่อยๆหล่อเลี้ยงให้หัวใจเรามีพลังและเติบใหญ่ขึ้น เพียงแค่เราเปิดรับ รู้สึก และสัมผัส กับทุกประสบการณ์ชีวิตอย่างจริงแท้ เผชิญหน้ากับตัวเอง ไม่ว่ามันจะเจ็บปวดแสนสาหัสเพียงไรก็ตาม
ความเบิกบานของผู้ปฏิบัติก่อกำเนิดจากหัวใจอันอ่อนโยนที่สัมผัสกับความไม่จีรังพื้นฐานแห่งการมีชีวิตอยู่ ความเบิกบานคลี่เผยจากการได้เป็นหนึ่งเดียวกับความเป็นไปอันแท้จริงในแต่ละขณะอย่างเต็มเปี่ยม ปล่อยให้ทุกสิ่งโบยบินไป ปราศจากเป้าหมาย หรือการควบคุมให้เป็นไปอย่างที่ใจเราปรารถนา ...อิสรภาพอันเกิดมาจากความเข้าใจและยอมรับในธรรมชาติแห่งความทุกข์ ที่แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของการสัมผัสรับรู้อันเปราะบางยิ่ง นำไปสู่ความเบิกบานที่แท้แห่งการดำเนินชีวิตของผู้ปฏิบัติในแต่ละลมหายใจเข้าออกที่ยังมีอยู่
ด้วยรักแด่เยเช เนื่องในวันเกิดครบรอบ ๑ ปี
จากใจพ่อ
เครสโตน, โคโลราโด
๓๐ กรกฎาคม ๕๒
31.7.09
18.7.09
back to the origin
2.7.09
Subscribe to:
Posts (Atom)