31.5.08

บรรลุธรรม



อยากจะเป็น อรหันต์ สักพันชาติ
อยากจะขาด จากผลกรรม ที่จำหมาย
อยากจะมี อิทธิฤทธิ์ ฆ่าไม่ตาย
อยากลองหาย กลายร่างไป ไม่เห็นตัว

อยากจะเพ่ง เล็งเห็น วาระจิต
อยากมีฤทธิ์ เหาะเหิน เดินกลับหัว
อยากมีเดช เปรตผี มีคงกลัว
แต่กลับลืม ละความชั่ว ที่ตัวมี

บรรลุธรรม เลิศล้ำ สำเหนียกไว้
ล้ำที่ใจ หาใช่ ฤทธิ์รังสี
อยากตรัสรู้ แต่ภายใน ไร้ความดี
กลัวจะมี แต่อรหันต์กลายกลาย จิตใจทราม ฯ

วิจักขณ์
สวนโมกขพลาราม
๑๗ มีนาคม ๒๕๔๕

จดหมายข่าววัชรปัญญา พฤษภาคม ๒๕๕๑

ปลดเปลื้องพันธนาการ
น้ำใส ไร้ตะกอนคลุ้ง ขุ่นมัว
ดั่งต้นไม้ พายุพัดกระหน่ำ มัวหม่น ไร้ทิศทาง
ดาวแจ่มจ้า กระจ่างชัด ลมพัด ผ่านพ้น ตรงเข้าไป

จากที่เหนื่อย เพราะใช้ความคิด
ปั่นป่วน แก้ไขไปมาวุ่นวาย
ต้องฝึกฝนอย่างหนัก และเข้าใจตัวเอง
เพื่อความไว้วางใจกับความมีอยู่เดิมของจิตใจ

ตรรกะ เหตุผล
เป็นเพียงเกราะ เครื่องพันธนาการ
เพื่อความมั่นใจของตัวเรา

เมื่อเรากลัวกับอันตราย
แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
เป็นทุกข์
ที่เราก็ไม่รู้แน่ว่าจริง
เพราะมันบิดเบี้ยว

สัมผัสด้วยใจ
ด้วยธรรมชาตินั้น
(ที่ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจริงหรือเปล่า)
แต่ก็สบายใจ สบายกายกว่าเดิมบ้าง
...ก็น่าจะลองดู

ควบคุมวินัยให้กล้าแกร่ง
ไม่เข้าสู่กลไกความคิดอัตโนมัติ
ด้วยการภาวนา

สบาย สบาย
เหนื่อยก็พัก
ช้าหน่อย
หลงทางบ้าง
เป็นธรรมดา

โอ้ เพื่อนร่วมทาง
เปิดออก เปิดออก
ออกจากเกราะกำบัง
ออกเผยสัมผัส

ด้วยเนื้อแท้จริงๆ....



หนึ่งใน "ประสบการณ์ใต้ฐานพระพุทธรูป"
โดย เพื่อนร่วมทางคนหนึ่ง
ณ "สัมผัสแห่งการตื่นรู้"
สวนโมกข์นานาชาติ, ไชยา, สุราษฏร์ธานี


ด้วยความระลึกถึงและคงมั่นบนสายธรรมแห่งการตื่นรู้
วิจักขณ์

__________________________

-ข่าวฝาก-

๑. เหลือที่ว่างอีกไม่มากแล้วนะครับสำหรับ "โลกอันศักดิ์สิทธิ์ของนักรบ" ภาคฝึกเข้ม ๓-๖ กรกฏาคม ๔ วัน ๔ คืน ที่รร.หมู่บ้านเด็ก กาญจนบุรี หากใครสนใจก็รีบสมัครกันด่วน ที่เสมสิกขาลัย ๐๒ ๓๑๔ ๗๓๘๕ ถึง ๖

๒. เชิญร่วมงาน "๖๐ ปี รัชนี ธงไชย" ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๑ ที่เรือนร้อยฉนำ สวนเงินมีมา คลองสาน ตั้งแต่เวลา ๑๐ โมงเช้าเป็นต้นไป และร่วมเสวนาในหัวข้อ "การศึกษาทางเลือกในปัจจุบันและอนาคตจะเป็นอย่างไร" โดย คุณชัชวาลย์ ทองดีเลิศ, ปรีดาเรืองวิชาธร, ณัฐฬส วังวิญญู, วิจักขณ์ พานิช, และอื่นๆ งานเสวนาเริ่ม ๑๔.๐๐ น. แผนที่คลิ๊กตามลิงค์ http://www.semsikkha.org/semmain/images/map/roychanum.jpg

๓. อ่านบทสัมภาษณ์วิจักขณ์ พานิช โดย น้องมีมี่, และทีม a day junior5 ได้ในนิตยสาร "a day" ฉบับวางแผงกลางเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ ป.ล.ขอให้ขาน้องมีมี่หายไวๆนะครับ

30.5.08

หลุม๔ พาร์๕






'socially-engaged spirituality'
five-day meditation retreat
with vichak panich
International Network of Engaged Buddhists (INEB)
suan santidharma, pathumthani
26-30 may 2008

27.5.08

อะไรของมัน

อยากภาวนาก็มาภาวนา
อยากสนุกก็ไปสนุก
ไม่ใช่ว่าอยากสนุกแล้วมาภาวนา
เพราะบางทีภาวนาก็ไม่ใช่เรื่องสนุก

...
ข้อความจากโยคีตั้ม ถึงเยาวชน INEB
สวนสันติธรรม, ปทุมธานี

25.5.08

หลุม๓ พาร์๒




"the sacred world(1)"
with vichak panich
24-25 may 2008
reuan roi cha nam
klongsan, bangkok

ทองเล็น

"ยอมให้โลกเข้ามาสะกิดหัวใจโดยไม่ขัดขืน"
ภาวนาทองเล็นเพื่อผู้ประสบภัยในประเทศพม่า

วิจักขณ์ พานิช



การภาวนาทองเล็น เป็นการฝึกร่วมรับรู้ความทุกข์ด้วยหัวใจที่เปราะบาง อีกทั้งยังเป็นการฝึกการวางใจในความรักและความปรารถนาดีอย่างไม่มีเงื่อนไข ทองเล็นมาจากภาษาทิเบต แปลว่า "การรับและการให้" เทคนิคทั้งสี่ขั้นของทองเล็นจริงๆแล้วเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติของการรับรู้ที่เปิดกว้างของจิตใจ การทำทองเล็นสามารถทำให้กับผู้ที่กำลังประสบทุกข์ภัย หรือผู้ที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก อีกทั้งยังสามารถทำได้กับคนใกล้ชิดที่เรามีความขัดแย้ง บ้างก็ว่าสามารถทำให้กับตนเองได้อีกด้วย

ในช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากของผู้ประสบภัยธรรมชาติในประเทศพม่า คนไทยทุกคนน่าจะร่วมรับรู้ความโศกเศร้าและส่งใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความปรารถนาดีไปยังเพื่อนบ้านของเรา ด้วยความหวังเล็กๆที่ว่า พลังใจจากหัวใจที่เต็มเปี่ยมจะถูกสัมผัสได้โดยเพื่อนผู้ทุกข์ยากเหล่านั้นไม่มากก็น้อย

อ่านต่อทั้งหมด>>>

23.5.08

sorrow

there was a man who walked with sorrow
as though sorrow were his love,
and he seemed to court her gently;
he was very well-behaved.

22.5.08

หลุม๒ พาร์๓





this is another gathering of forty more educators, professors, deans, and presidents of universities all over thailand. once again, three of us have introduced them into the richness of 'space' where the journey of contemplative education can only occur.

"เรียนรู้ด้วยใจอย่างใคร่ครวญ" รุ่นที่ ๒
การอบรมพื้นฐานจิตตปัญญาศึกษาสู่มหาวิทยาลัย
คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ร่วมกับสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา
โดย ณัฐฬส วังวิญญู, วิจักขณ์ พานิช, ฌาณเดช พ่วงจีน
บ้านผู้หว่าน, นครปฐม
๒๐ - ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑

"contemplative education"
with nuttarote wangwinyoo, vichak panich & chandet puangchin
ban pu waan, nakorn prathom
20-22 may 2008

>>> visit our "discussion board"

19.5.08

สัมผัสแห่งการตื่นรู้




>>> ธรรมาจารย์สิงห์ทอง vs ธรรมบาลเบิ้ม <<<





"สัมผัสแห่งการตื่นรู้"
๑๑ -๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๑
ณ สวนโมกข์นานาชาติ ไชยา สุราษฎร์ธานี

"Touching Enlightenment with the Body"
with vichak panich & 27 yogis and yoginis
Suan Mokh International Hermitage
Chaiya, Suratthani
11-18 may 2008

(PHOTOS BY ส้ม นะผุย ดี)
visit our "discussion board"
clic here>>>

9.5.08

ปลุกเร้าโพธิจิต



การนำความเข้าใจในเรื่องมณฑลแห่งการตื่นรู้มาสู่ชีวิตจริง อาจฟังดูเป็นเรื่องลึกล้ำ ซับซ้อน แต่เพียงแค่เราได้เรียนรู้ที่จะกลับมาให้ความใส่ใจกับสิ่งละอันพันละน้อย อันเป็นเงามืดที่เรามักจะทอดทิ้งมันมาโดยตลอด การให้พื้นที่กับความสัมพันธ์ในชีวิต การปฏิสัมพันธ์กับผู้คน การสละละวางความเห็นแก่ตัว และอีกมากมาย แม้ในยามที่เราเจ็บปวด และจมอยู่ในประสบการณ์อันเลวร้าย แต่หากเรายังมั่นคงอยู่บนวิถีทางแห่งการฝึกตน เราจำต้องยืดหยัดในหนทางแห่งการเปิดพื้นที่ ขยายพื้นที่การรับรู้ด้วยใจ แทนการหดพื้นที่ ปิดพื้นที่ ขดตัวอยู่ในโลกของการตัดสิน นั่นคือความหมายอันลึกซึ้งที่เราสามารถพบได้ในหัวข้อธรรมพื้นฐานอย่างฆราวาสธรรม ๔ ที่อาจารย์สุลักษณ์ได้ฝากไว้ให้ใคร่ครวญ เมื่ออาทิตย์ก่อนที่เข้าไปพบท่าน

๑.รากฐานมณฑล (สัจจะ) ความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน เป็นหลักสำคัญที่จะให้เกิดความไว้วางใจและไมตรีจิตสนิทต่อกันขาดสัจจะเมื่อใดย่อมเป็นเหตุให้เกิดความหวาดระแวงแคลงใจกันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความร้าวฉาน ซึ่งยากนักที่จะประสานให้คืนดีได้ดังเดิม

๒.ดูแลรักษามณฑล (ทมะ) การรู้จักบังคับควบคุมอารมณ์ ข่มใจระงับความรู้สึกต่อเหตุบกพร่องของกันและกัน รู้จักฝึกฝนปรับปรุงตน แก้ไขข้อบกพร่อง รับนิสัยและอัธยาศัยให้กลมกลืนประสานเข้าหากันได้ ไม่เป็นคนดื้อด้านเอาแต่ใจและอารมณ์ของตน คนที่ขาดธรรมข้อนี้ ย่อมปล่อยให้ข้อแตกต่างปลีกย่อยทางอุปนิสัยและการอบรม กลายเป็นเหตุแตกแยกสามัคคีใหญ่โต และถ้าไม่สามารถปรับตนเข้าหากันได้ ก็เป็นอันต้องทำลายชีวิตคู่ครองแยกทางขาดจากกัน

๓.ปกปักษ์มณฑล (ขันติ) ความอดทน อดกลั้น ต่อความหนักและความร้ายแรงทั้งหลาย ชีวิตของผู้อยู่ร่วมกัน นอกจากมีข้อแตกต่างขัดแย้งทางอุปนิสัย การอบรม และความต้องการบางอย่าง ซึ่งจะต้องหาทางปรับปรุงเข้าหากันแล้วบางรายอาจจะมีเหตุล่วงเกินรุนแรง แสดงออกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอาจะเป็นถ้อยคำหรือกิริยาอาการ จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เมื่อเกิดเหตุเช่นนี้ อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องรู้จักอดกลั้นระงับใจ ไม่ก่อเหตุให้เรื่องลุกลามกว้างขยายต่อไปความร้ายจึงจะระงับลงไป นอกจากนี้ ยังจะต้องมีความอดทนต่อความลำบากตรากตรำ และเรื่องหนักใจต่างๆ ในการประกอบการงานอาชีพเป็นต้น โดยเฉพาะเมื่อเกิดภัยพิบัติ ความตกต่ำคับขัน ไม่ตีโพยตีพาย แต่มีสติอดกลั้นคิดอุบายใช้ปัญญาหาทางแก้ไขเหตุการณ์ให้ลุล่วงไปด้วยดี ชีวิตของคู่ครองที่ขาดความอดทน ย่อมไม่อาจประคับประคองพากันให้รอดพ้นเหตุร้ายต่างๆ อันเป็นประดุจมรสุมแห่งชีวิตไปได้

๔.หล่อเลี้ยงมณฑล (จาคะ) ความเสียสละ ความเผื่อแผ่ แบ่งปันตลอดถึงความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อกัน ชีวิตบุคคลที่จะมีความสุข จะต้องรู้จักความเป็นผู้ให้ด้วย มิใช่คอยจ้องแต่จะเป็นผู้รับเอาฝ่ายเดียว การให้ในที่นี้ มิใช่หมายแต่เพียงการเผื่อแผ่แบ่งปันสิ่งของอันเป็นเรื่องที่มองเห็นและเข้าใจได้ง่ายๆ เท่านั้น แต่ยังหมายถึงการให้น้ำใจแก่กัน การแสดงน้ำใจเอื้อเฟื้อต่อกัน ตลอดจนการเสียสละความพอใจและความสุขส่วนตนได้ เช่น ในคราวที่คู่ครองประสบความทุกข์ ความเจ็บไข้ หรือมีธุระกิจใหญ่เป็นต้น ก็เสียสละความสุขความพอใจของตน ขวนขวายช่วยเหลือ เอาใจใส่ดูแล เป็นที่พึ่งอาศัย เป็นกำลังส่งเสริม หรือช่วยให้กำลังใจได้โดยประการใดประการหนึ่ง ตามความเหมาะสมรวมความว่า เป็นผู้จิตใจกว้างขวาง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เสียสละ ไม่คับแคบเห็นแก่ตัว ชีวิตครอบครัวที่ขาดจาคะ ก็คล้ายการลงทุนที่ปราศจากผลกำไรมาเพิ่มเติม ส่วนที่มีมาแต่เดิมก็คงที่หรือค่อยร่อยหรอพร่องไป หรือเหมือนต้นไม้ที่มิได้รับการบำรุง ก็มีแต่อับเฉา ร่วงโรย ไม่มีความสดชื่นงอกงาม

ธรรม ๔ ประการ คือ สัจจะ ทมะ ขันติ และจาคะดังกล่าวมานี้ มิใช่ประสงค์เป็นข้อปฏิบัติจำกัดเฉพาะในระหว่างคู่ครองเพียง ๒ คนเท่านั้น แต่มุ่งหมายให้ใช้ทั่วไปในชีวิตการครองเรือนทั้งหมด โดยยึดถือเป็นคุณธรรมพื้นฐานของจิตใจ ในการที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีงามกับคนทั้งหลายที่จะอยู่ร่วมหรือติดต่อเกี่ยวข้องกันให้เหมาะสมตามฐานะนั้นๆ เพื่อประโยชน์สุขทั้งแก่ชีวิตของตนเอง และแก่ชีวิตของคนอื่นๆ ในสังคม

6.5.08

ความภูมิใจของคนกรุง



“เวลาต่อสู้ เราเหมือนนักรบที่ตะลุยไปข้างหน้า เพื่อบรรลุอะไรบางสิ่งบางอย่าง ทะลุทะลวงตะลุย โดยเฉพาะกับความอยุติธรรมในสังคม ถามว่ากลัวมั๊ย...กลัวสิ แต่กลัวก็ต้องทำ เวลาที่คุณจะเลือกเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่มีทางที่เส้นทางนั้นจะราบรื่น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะบ้าบิ่น เสี่ยงภัย อยากจะเป็นฮีโร่ ....นั่นไม่ใช่

ความกลัวเป็นสิ่งที่ทำให้เราหยุดจากการเดินบนเส้นทางที่ถูกต้อง แน่นอนทุกคนก็มีอยู่ แต่เรารู้ตัวหรือไม่รู้ตัว เราต้องฝึกที่จะทำจิตใจให้เป็นปกติแล้วสู้ต่อไป แต่ถ้าเราเลิกไปเสียก่อนเพราะกลัว มันคงน่าเสียดาย หากเราสู้ต่อ เราก็อาจจะได้เรียนรู้อะไรมากกว่าการที่เรายอม อันนี้เป็นวิธีการฝึกตัวเองที่จะเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ สถานการณ์มันจะช่วยให้เราเรียนรู้และเข้าใจชีวิตมากขึ้น ต้องมองอย่างนั้น อุปสรรคจะทำให้เราได้ฝึกฝนตัวเอง วัดว่าเราจะวางใจให้เป็นปกติได้หรือไม่ มันก็ต้องมียั๊วะบางอยู่แล้ว กลัวก็มี แต่เมื่อเรามีสิ่งเหล่านั้นแล้วเราจะสามารถทำจิตใจกลับมาให้เป็นปกติได้อย่างไร หากเราสามารถฝึกฝนตรงนี้ได้ ทุกสถานการณ์ ทุกอุปสรรคก็จะทำให้เราได้เติบโต”

รสนา โตสิตระกูล
หนึ่งนักรบหญิงแห่งชัมบาลา

จาก “ประสบการณ์การเคลื่อนไหวของรสนา ที่มาจากพื้นฐานความเลื่อมใสและความเข้าใจในพุทธศาสนา”
ณ การประชุมจิตวิวัฒน์ ครั้งที่ ๕๖ มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ
๖ พฤษภาคม ๒๕๕๑

5.5.08

all at once

เมื่อพี่แจ็คบ่นเพลงเป็นธรรมะ (อีกแล้ว)



"all at once"
artist: jack johnson
album: sleep through the static

all at once,
the world can overwhelm me
there's almost nothing that you could tell me
that could ease my mind

which way will you run
when it's always all around you
and the feelin' lost and found you again
a feelin' that we have no control

around the sun
some say its' going to be the new hell
some say it's still too early to tell
some say it really ain't no myth at all

we keep asking ourselves
are we really strong enough?
there's so many things
that we got too proud of
we're too proud of
we're too proud of

i wanna take the preconceived
out from underneath your feet
we could shake it off
and instead we'll plant some seeds
we'll watch them as they grow
and with each new beat
from your heart the roots grow deeper
the branches, well they reach for what?

nobody really knows
but underneath it all
there's this heart all alone
what about when it's gone?
it really won't be so long
sometimes it feels like a heart
is no place to be singing from at all

there's a world we've never seen
there's still hope between the dreams
the weight of it all could blow away
with a breeze
but if your waiting on the wind
don't forget to breathe
because as the darkness gets deeper
we're sinkin as we reach for love

at least something we can hold
but i'll reach to you
from where time just cant go
what about when it's gone?
it really won't be so long
sometimes it feels like a heart
is no place to be singing from at all

4.5.08

hello yogis




การรวมตัวกัน
ของ ๒๒ โยคีและโยคินี
โดย(มิได้)นัดหมาย
กับคุณค่าอะไรบางอย่าง
ที่เราต่างสัมผัสได้
ในการ "นั่งเฉยๆ"

"may 4th"
1st yogis' gathering
reuan roi cha nam
klongsan, bangkok

3.5.08

GM interview



"ทุกคนมีจังหวะชีวิตของตัวเอง เวลาผมมองไปที่คนรุ่นใหม่ ผมไม่เคยเป็นห่วงว่าคนรุ่นใหม่กำลังแย่ และที่แน่ๆผมเองไม่เคยต้องการที่จะไปเปลี่ยนใคร ทุกคนเป็นอย่างที่เป็นอยู่น่ะดีแล้ว ขอแค่คุณมีพื้นที่ให้กับเส้นทางการเรียนรู้ด้านในและเติบโตไปในจังหวะของคุณ

เมื่อมีคนถามว่าจะเริ่มต้นอย่างไรถ้าจะหันมาศึกษาด้านจิตวิญญาณ ผมไม่รู้ว่าเริ่มต้นยังไง รู้แต่ว่ามันต้องเริ่มต้น ทุกคนรู้อยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเชื่อมันแค่ไหน เหมือนถ้าคุณหิว แต่ถามว่าจะกินข้าวดีมั๊ย กินวิธีไหน ผมว่ามันเป็นคำถามที่แปลกดี เรื่องคุณค่าทางจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าเราจะต้องกล้าเรียนรู้กันให้มากกว่านี้ อย่าคิดมาก อย่าพยายามมาก อย่าเชื่อใคร แต่ให้ใช้ความรู้สึก สัญชาตญาณ บนพื้นฐานของประสบการณ์ตรงของคุณเอง"

วิจักขณ์ พานิช

จาก "เปลี่ยน..สู่อิสรภาพภายใน"
สัมภาษณ์นิตยสาร GM
ฉบับครบรอบ ๒๒ ปี
"๑๐ men in the world of change"