การภาวนาอาจไม่ได้ช่วยทำให้อะไรที่เป็นอยู่มันดีขึ้น แต่ที่แน่ๆสภาวะจิตที่ไม่ปกติเปรียบได้กับพายุที่สามารถจะพัดพาให้สถานการณ์เลวร้ายหนักลงไปอีกโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นเวลาที่คุณรู้สึกเผารน ทนไม่ไหวกับชีวิตอีกต่อไป ไร้ซึ่งกำลังใจแม้แต่จะฝึกฝนต่อ ขอให้จำไว้ว่า "ภาวนา คือ ชีวิต " กับคำของลี(ภรรยาของเร้จจี้) ที่ว่า "ภาวนาก็รู้สึกแย่ ไม่ภาวนาก็แย่ อย่างนั้นขอภาวนาดีกว่า" การภาวนาเป็นหนทางแห่งการเปิด"พื้นที่" ที่จะยอมให้ทุกความรู้สึก ทุกอารมณ์ ทุกทุกข์ ทุกสุข มีพื้นที่สำหรับแสดงธรรมชาติที่แท้จริงของมัน เราไม่ขัดขืน ไม่ต่อต้าน ไม่สยบยอม ไม่สวน หมกมุ่น หรือโต้ตอบ แต่เราใช้พื้นที่ของใจที่เปิดกว้าง เป็นโอกาสที่จะได้รู้จักธรรมชาติอันหนึ่งในเนื้อในตัวเราอย่างที่มันเป็น
ในการภาวนา เราฝึกฝนพัฒนาจิตให้ดำรงอยู่ในธรรมชาติเดิมแท้ ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพแห่งการรู้ ตื่น และเบิกบาน เปรียบได้กับแสงเรืองรองแห่งอรุณรุ่งยามเช้าที่จะฉายสะท้อนในทุกภาวะการดำรงอยู่อย่างไม่มีเงื่อนไข ด้วยความไว้วางใจในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในมณฑลแห่งการรับรู้ เราจึงสามารถเข้าใจสิ่งต่างๆตามที่เป็นจริง โดยปราศจากการยัดเยียดเอาอคติ ความกลัว ความคาดหวังใดๆ ไปให้กับสภาวการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
จดหมายข่าวฉบับนี้ล่าช้าออกไป เพราะการถือกำเนิดของน้องเยเช ลูกสาวคนแรกของผม ในช่วงเวลาเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เยเชได้สอนให้ผมเข้าใจถึงมณฑลแห่งการตื่นรู้ อันเป็นศักยภาพและความดีงามพื้นฐานที่ติดตัวมากับคนทุกคนตั้งแต่แรกกำเนิด สำหรับผมแล้วคำถามที่ว่า "จะสอน จะเลี้ยงเจ้าตัวน้อยอย่างไร" ดูจะมีความสำคัญน้อยกว่า "จะดูแลรักษาพื้นที่ของใจของเราอย่างไร" เพราะผมเชื่อว่าหากเราสามารถดูแลรักษา"พื้นที่ของใจ"ให้เป็นปกติได้แล้ว ทุกชีวิตที่วิ่งเล่นอยู่ในพื้นที่แห่งนั้น น่าจะสามารถเติบโต งอกงาม และเบิกบาน ตามธรรมชาติและความงดงามที่ติดตัวเขามาตั้งแต่แรกกำเนิด โดยที่เราไม่จำเป็นจะต้องคาดหวังหรือพยายามให้เขาเป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
ขอต้อนรับเยเช สู่โลกอันศักดิ์สิทธิ์ที่เปี่ยมไปด้วยเรื่องราวชีวิตที่รุ่มรวย
บนวิถีแห่งโยคีผู้ครองเรือน
วิจักขณ์