23.5.05

พ่อกับลูกชาย




พ่อเป็นครูคนสำคัญของผม เพราะท่านเป็นคนที่แสดงให้ผมเห็นอะไรหลายอย่างของชีวิตคนๆหนึ่ง ก่อให้เกิดการตั้งคำถามมากมายว่าผมอยากใช้ชีวิตตามอย่างท่านหรือไม่ น่าแปลกว่าผมตั้งคำถามมากมายแต่ผมก็ยังรักท่าน และชื่นชมท่าน ไม่ใช่ในแบบที่คนอื่นเขามอง แต่ในฐานะบุคคลคนหนึ่งที่ยังรักการเรียนรู้ บุคคลที่ผมเห็นถึงความขึ้นๆลงๆสับสนค้นหาแบบมนุษย์เดินดินธรรมดาทั่วไป ลึกๆผมยังสัมผัสได้ว่าท่านมีคำถามที่ท่านยังต้องการคำตอบเช่นเดียวกัน เพียงแต่ท่านยังไม่สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดที่ท่านมี จะเรียกได้ว่า habitual patterns ทางความคิด ก็อาจจะเป็นไปได้

ที่ผมเขียนอยู่นี้ไม่ได้เขียนวิจารณ์ท่านในฐานะตัวบุคคล ผมรู้สึกว่าผม reflect ตามสิ่งที่ผมได้สัมผัส แต่ขณะเดียวกันผมยังพร้อมจะเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในตัวท่านเสมอ การที่คนเราจะjudge คนๆหนึ่ง ว่าถูกหรือผิด โง่หรือฉลาดนั้นคงไม่แฟร์นัก ผมไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น เพราะเวลาผมคุยกับใคร ผมเลือกที่จะสัมผัสคนๆนั้น ด้วยพลังที่เค้าสื่อถึงผมมากกว่า และความรู้สึกนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละครั้งที่เราได้เจอกัน แม้จะไม่พบบ่อยนักในบุคคลทั่วไป ที่มั่นใจในตัวตนที่เขาเป็น

เวลาคุยกับพ่อ เราเหมือนจะคุยเรื่องเดียวกัน เพราะเรื่องที่พ่อรู้ ผมก็รู้ อาจจะจากการอ่าน หรือการได้แลกเปลี่ยนความรู้กับผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ องค์กร การจัดการความรู้ สุนทรียสนทนา การสร้างพื้นที่การเรียนรู้ การศึกษา และฯลฯ แต่แล้วผมก็ได้ตระหนักว่า แม้เราจะดูเหมือนคุยเรื่องเดียวกัน แต่มองให้ลึกแล้วเรากลับคุยกันคนละเรื่องโดยสิ้นเชิง เช่น เราคุยกันเรื่ององค์กรการเรียนรู้ ท่านก็จะคุยเรื่องความสำเร็จและเป้าหมายขององค์กร เป็นเรื่องหลัก แต่ผมกลับชวนคุยเรื่องการเติบโตเรียนรู้ของปัจเจก กระบวนการ และความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งของคนในองค์กร เราคุยกันเรื่องสุนทรียสนทนา ท่านคุยเรื่องเป้าหมายของประเด็นที่คุยกัน ผลที่ได้ บทสรุป แต่ผมก็ชวนคุยเรื่องการเปิดใจ การเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด การท้าทายตนเอง การเรียนรู้ของแต่ละคนที่เข้ามีส่วนร่วม...

ทำให้ผมเข้าใจว่า แม้ท่านจะทำงาน มีการเรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้น แต่ท่านก็ยังเป็นคุณพ่อที่ผมเคยรู้จักไม่เปลี่ยนแปลง มีความสำเร็จ แนวคิด หลักการและเป้าหมายเป็นตัวตั้ง โดยที่ให้ความสำคัญน้อยมากกับรายละเอียดเล็กๆของกระบวนการ ของสายสัมพันธ์ ของอารมณ์ความรู้สึก สำหรับผมที่อยู่ใกล้ชิดท่านมาทั้งชีวิต ได้เห็นในจุดนั้น และเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่สมบูรณ์จะก่อตัวขึ้นได้ก็ด้วยสิ่งเล็กๆเหล่านั้น เพราะเราเป็นมนุษย์ ที่มีศักยภาพในการมองด้านใน เห็นตัวเอง เนื่องจากพ่อมีelement ในเรื่องนี้น้อยมาก คือท่านแทบจะไม่มีกระบวนการมองด้านในตัวเองเลย ผมจึงได้เรียนรู้เรื่องนี้มากอย่างไม่รู้ตัว

ผมยังแอบฝันลึกๆ ว่าวันหนึ่งคุณพ่อคงจะเริ่มตั้งคำถามกับความเป็นท่านมากขึ้น เริ่มมีความใคร่รู้ในการปฏิบัติ ท้าทายตัวตนของตัวเอง จนกระทั่งสามารถเข้าสู่ความไม่เป็นอะไรเลย ซึ่งความไม่เป็นอะไรเลย หรือไม่ทำอะไรเลยนี่แหละ ที่เป็นบ่อเกิดแก่การเป็นทุกสิ่ง การทำได้ทุกสิ่ง ตามแต่เสียงข้างในจะบอกเรา เป็นการก้าวข้ามพ้นความกลัว และสามารถที่จะเข้าถึงหัวใจของผู้อื่นได้อย่างสมบูรณ์ไปในขณะเดียวกัน แม้ผมจะเป็นคนตรงไปตรงมา และกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ท่านอาจจะไม่ชอบฟัง ผมก็ยังรักท่าน พร้อมเสมอที่จะพูดคุยกับท่าน เพราะผมก็เป็นเพียงเด็กน้อยธรรมดาๆที่ไม่มียศฐา บรรดาศักดิ์ใดๆให้ต้องรักษา เราจึงมีอิสรภาพในการเรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างที่ไม่ต้องพะวงอะไรมากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะท่านได้มอบโอกาสนั้นให้ผมได้อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆนั่นเอง


...ก็ขอเป็นแค่ลูกไม้ หล่นให้ไกลๆต้น

เพื่อสัมผัสโลกได้อย่างเต็มที่ ค้นพบตัวเอง เติบโตขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่ ให้ความร่มเงาแก่สรรพสิ่งได้เต็มตามศักยภาพที่เรามี...