21.12.08

จดหมายข่าววัชรปัญญาประจำเดือนธันวาคม ๒๕๕๑

ในปี ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา ผมได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสามารถเผชิญและอยู่กับมันมาได้จนถึงวันนี้ ก็คือกำลังใจที่ได้รับจากงานอบรมภาวนาที่มีขึ้นตลอดปี เปรียบเหมือนพรอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มีโอกาสร่วมฝึกฝนกับเพื่อนๆทุกคน โอกาสที่เราได้ภาวนาและให้พื้นที่ที่เราสร้างขึ้นมาร่วมกันได้สะท้อนสอนตัวเรา ในภาวะที่แต่ละคนกำลังเผชิญอยู่

กว่า ๒๐ เวิร์คช็อปและรีทรีททั้งระยะสั้นและระยะยาว และเพื่อนใหม่กว่า ๕๐๐ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เริ่มตั้งแต่งานแรกกับบริษัทรักลูกในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว, คอร์สภาวนา "บนเส้นทางแห่งการฝึกตน" ที่จัดให้กับเสมฯ รวม ๖ ครั้ง, สัมผัสแห่งการตื่นรู้ ที่สวนโมกข์นานาชาติ , ภาวนาคือชีวิต ที่เชียงใหม่, จิตวิญญาณแห่งนักรบ ที่เชียงราย, การอบรม "พื้นฐานจิตตปัญญาศึกษา" ให้กับบุคลากรในสถาบันการศึกษา ร่วมกับพี่ณัฐฬส และอ.ฌาณเดช, "ชุมนุมโยคี", และการอบรมเฉพาะกลุ่มอื่นๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ถือเป็นการทดลองที่จะสื่อสาร ฝึกตนเองในฐานะผู้ส่งสาร, และที่สำคัญคือใช้โอกาสนั้นในการขัดเกลาตนและเรียนรู้ข้อจำกัดของตัวผมเองไปด้วย

ผมไม่ได้รู้สึกว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีแห่งชื่อเสียงและความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย เพราะผมยังคงให้ความสำคัญกับเส้นทางความจริงใจต่อตนเองมากกว่าสิ่งอื่นใด ทุกงานที่ผมทำยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกประหม่าและหวั่นใจอยู่บ้าง กระนั้นสิ่งที่ผมได้รับกลับมา คือ เรื่องราวของการเดินทางที่หลากหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แม้ผมจะไม่ได้เป็นคนที่ชอบสังคม หรือมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมากนัก แต่ผมก็รู้สึกอบอุ่นที่เพื่อนร่วมฝึกแต่ละคนสามารถศรัทธาในเส้นทางชีวิตของตนเองโดยที่ยังดำรงไว้ซึ่งความปรารถนาดีต่อกันและกัน นั่นคือส่วนสำคัญของการเติบโตของผมตลอดปีที่ผ่านมา

ผมไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร หากวันนึงผมอาจจะต้องหยุดการจัดอบรมภาวนาที่ทำอยู่ทั้งหมด แล้วออกสู่ป่าอย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง เพราะทุกอย่างยังคงตั้งอยู่บนเหตุปัจจัยที่ผมไม่ได้เป็นคนกำหนด ความรักและความปรารถนาดีที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ปฏิบัติ เอ่อล้นออกมาจากความเศร้าที่ว่า เราไม่สามารถจะก้าวเดินบนเส้นทางชีวิตแทนใครได้ ทุกคนมีภารกิจที่โดดเดี่ยวในการที่จะยอมรับโชคชะตา และสายกรรมที่นำเรามาสู่การดำรงอยู่ ณ ปัจจุบันอย่างจริงใจที่สุด เราในฐานะผู้ฝึกตนบนวิถีแห่งพุทธธรรม ทำได้เพียงแค่ยอมรับและเติบโตไปกับปุ๋ยแห่งประสบการณ์นั้น เราไม่ต้องการที่จะขัดขืนกับสิ่งใดอีกต่อไป เราขอให้ทั้งหมดได้จบสิ้นสมบูรณ์ ในชีวิตที่เรากำลังเผชิญอยู่ ณ ปัจจุบันขณะ ขอที่จะเปิดรับ เรียนรู้ และทำความเข้าใจ ไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม

ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนสำหรับกำลังใจและการที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิต จนทำให้ผมได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ในปีหน้าหวังว่าเราคงจะพบเจอและร่วมแบ่งปันทุกข์สุขกันบ้าง


จากใจที่เปราะบาง
วิจักขณ์