6.12.08

จดหมายข่าววัชรปัญญาประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๑

จดหมายข่าวฉบับนี้ ขอนำถ้อยแถลงของเร้จจี้ มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ

"ในขณะที่ลัทธิ ศาสนา หรือความเชื่อบางสำนัก มีแนวโน้มที่จะไม่พูดถึงประสบการณ์ เส้นทางการแสวงหาสัจจะ หรือการตั้งคำถามอย่างถึงราก อันถือเป็นรากฐานที่สำคัญของการเรียนรู้เรื่องคุณค่าทางจิตวิญญาณ แต่ในวิถีแห่งพุทธธรรมแล้ว เราต่างถูกเชื้อเชิญให้ใช้ช่วงชีวิตของการเกิดมาเป็นมนุษย์เพื่อที่จะเรียนรู้ สืบค้น ตั้งคำถาม และน้อมนำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเข้ามาเป็น “หนึ่งเดียวกับเส้นทางการฝึกฝน”

พุทธธรรมได้แสดงให้เราเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเราเป็นส่วนสำคัญ ในการนำพาเราไปสู่การรู้แจ้งโดยสมบูรณ์ และท้ายที่สุดเราจะตระหนักได้ว่าไม่มีสิ่งใดเลย ที่จะแยกเราออกไปจากเส้นทางการฝึกตนได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เราเสียใจต่อสิ่งที่เราเผชิญอยู่ และไม่มีสิ่งใดที่ถูกตัดสินและสรุปว่าเป็นข้อผิดพลาดของชีวิต เพราะทุกสิ่งคือการเรียนรู้ โอกาสที่จะพาเราไปสู่พื้นที่แห่งการยอมรับที่กว้างขึ้น เรายังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆบนการเดินทางแห่งจิตวิญญาณ แม้ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าเราควรจะหลบหนีไปเลือกเดินทางอื่น

สิ่งนี้จะนำไปสู่พื้นฐานการมองโลกบนความดีงามพื้นฐานอย่างปราศจากเงื่อนไข ด้วยความเข้าใจคุณค่าและความหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในตนเอง ซึ่งจะแสดงออกเป็นพลังแห่งความไว้วางใจที่จะคงอยู่กับชีวิตของเราตลอดไป แม้ในยามที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก อาจดูเป็นการยากที่จะเป็นไปได้ ที่จะมีวิถีปฏิบัติที่สามารถหล่อเลี้ยงสายธารของการมองโลกบนความเต็มเปี่ยมและความรื่นรมย์ในชีวิตแบบนั้น แต่เส้นทางที่เราเดินร่วมกันอยู่นี้ถือเป็นข้อยกเว้น พุทธธรรมได้ยืนยันให้เราได้เห็นถึงการเดินทางแห่งจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในแต่ละชีวิตบุคคล ดังนั้นคุณค่าของมันจึงไม่สามารถถูกปิดกั้น จำกัด สรุป หรือ ตัดสินได้โดยสถาบัน ประเพณี หรือ อำนาจใดจากภายนอก การเดินทางอันเต็มเปี่ยมแห่งประสบการณ์ทางจิตวิญญาณของปัจเจกจะเผยให้เราได้เห็นได้ด้วยตัวของเราเอง ไม่ได้ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ ครูบาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือศาสนา และจริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่จะค่อยๆคลี่ออกเบื้องหน้าเรา ให้เราได้สัมผัสและเข้าใจสายธารชีวิตที่จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก หากเราพร้อมที่จะเข้าไปเผชิญและทำความรู้จักชีวิตของเราในแต่ละขณะ

การเดินทางแห่งจิตวิญญาณไม่สามารถที่จะถูกพยากรณ์ หรือทำความเข้าใจล่วงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย เพราะมันไม่ได้ถูกสรรค์สร้างหรือปรุงแต่งขึ้นโดยมนุษย์ การเดินทางแห่งจิตวิญญาณคือการเดินทางสู่ความไม่รู้อย่างแท้จริง เปรียบเสมือนการเดินทางสู่ท้องทะเลในมณฑลที่ไม่เคยมีใครแล่นเรือไปถึง ไม่เคยได้ถูกหยั่งประมาณ หรือระบุไว้ในแผนที่ หน้าที่ของวิถีปฏิบัติไม่ได้มีไว้เพื่อการจำกัดการแสวงหาทางจิตวิญญาณ ไม่ได้มีไว้เพื่อกีดกั้นประสบการณ์ การเดินทาง แต่เป็นไปเพื่อการเปิดโลกภายในของเราในเข้าไปสัมผัสมันได้อย่างตรงไปตรงมายิ่งขึ้น

วิถีปฏิบัติในที่นี้จึงเป็นดั่งแรงดลใจ ความท้าทาย และรากฐานในการสนับสนุน อีกทั้งยังมีเครื่องมือในการฝึกตนที่เป็นประโยชน์ กระนั้นก็ปราศจากชุดของคำตอบใดๆที่ตายตัว สายธรรมปฏิบัติทำหน้าที่เป็นเพียงพาหนะสำหรับการเดินทาง ซึ่งท้ายสุดก็คงแล้วแต่เราที่จะล่องเรือเดินทางไปสู่โลกใหม่อย่างแท้จริง เพื่อค้นพบอะไรตามที่ใจเราปรารถนาจะได้พบ ใช่แล้ว แง่มุมที่กล่าวมานี้ช่างน่าหวาดหวั่น แต่กระนั้นมันก็ได้แสดงถึงความท้าทายสูงสุดแห่งมนุษยชาติ สิ่งที่ยากที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถทำได้ แต่ทว่ามันก็ได้ถูกเขียนขึ้นภายในกายใจของเราตั้งแต่เริ่มต้น ในเลือด ในกระดูก ในรหัสพันธุกรรม และในทุกอณูรูขุมขนของร่างกาย เราไม่ได้เพียงแค่ค้นพบความเป็นไปได้ของการตระหนักรู้ถึงความเป็นมนุษย์ที่แท้ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือ เราจะพบว่าชีวิตเรา คือ เส้นทางแห่งการสัมผัสคุณค่าทางจิตวิญญาณอันเปี่ยมไปด้วยมิติอันลุ่มลึกอย่างไม่อาจคาดคะเนได้"


เรจินัลด์ เรย์