4.1.10

จดหมายข่าววัชรปัญญาประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๓

ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวคนหนึ่งซึ่งเคยมาเข้าฝึกภาวนา "สัมผัสแห่งการตื่นรู้" ที่สวนโมกข์เมื่อปลายปี ๕๑ เธอเป็นนักจิตวิทยาประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคใต้ เมื่อปีที่แล้วผมเคยคิดที่อยากจะใช้เวลาช่วงหนึ่งไปเรียนรู้งานการดูแลผู้ป่วยทางจิตกับพี่คนนี้ แต่แล้ววันหนึ่งผมก็ได้ทราบข่าวว่าพี่เขาป่วยเป็นโรคมะเร็ง และต้องเข้ารับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัดอย่างเร่งด่วน เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วมาก เธอไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะเป็นไปได้ที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็ง เพราะเธอเป็นคนที่ดูแลสุขภาพอย่างดีมาโดยตลอด หลังจากเข้าฝึกภาวนาที่สวนโมกข์ เธอก็ได้นำเทคนิคการภาวนา โดยเฉพาะการฝึกบอดี้เวิร์คไปทำต่อที่บ้าน ระหว่างการฝึกหายใจไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย ความผ่อนคลายทำให้เธอเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติในร่างกายบางอย่าง ความรู้สึกของก้อนเนื้อเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนเธอตัดสินใจเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและพบว่าตัวเองได้ป่วยเป็นมะเร็ง

หลังจากการเข้ารับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด เธอก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติและทำงานเป็นนักจิตวิทยาอีกครั้งหนึ่ง ผมได้ฟังเรื่องราวการดูแลตัวเองของพี่สาวคนนี้ด้วยความรู้สึกทึ่ง เธอยังคงฝึกภาวนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการฝึกบอดี้เวิร์คเพื่อสร้างฐานของการผ่อนคลาย เพื่อเปิดพื้นที่ในการรับสภาวะต่างๆ รับฟัง และไว้วางใจให้ร่างกายได้เยียวยาตัวเองโดยปราศจากการยัดเยียดวิธีคิดหรือความกลัวใดๆไปทับถมเพิ่มเติม การไว้วางใจชีวิตที่แม้จะไม่ได้กลับมาเป็น "ปกติ" ดังเดิม แต่เธอก็ยอมรับและอ่อนโยนกับตัวเอง กับร่างกายและจิตใจของตนเอง เผชิญหน้ากับความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาอย่างไม่หวั่นไหว ผมฟังประสบการณ์ที่พี่คนนี้เล่าผ่านโทรศัพท์ด้วยความปีติยินดี และปลาบปลื้มใจในประสบการณ์และความกล้าในการดำเนินชีวิตของเธอ เธอโทรศัพท์มาพูดคุยและซักถามเรื่องการปฏิบัติเพิ่มเติม ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอย่างกล้าหาญได้เป็นกำลังใจให้คนรอบข้างและผู้ที่ผมเห็นจำนวนมาก จนทางโรงพยาบาลได้ขอให้เธอแบ่งปันวิธีที่เธอใช้ในการดูแลตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องของการภาวนา ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสฟังประสบการณ์อันทรงคุณค่าของเธอ แต่ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสักวันเธอคงได้มีโอกาสมาแบ่งปันประสบการณ์เหล่านั้นให้เพื่อนๆผู้ปฏิบัติคนอื่นๆได้รับรู้บ้าง

เมื่อก่อนนั้นผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าการเผชิญหน้ากับความทุกข์ในชีวิตจริงๆนั้นเป็นอย่างไร เพราะผมก็คิดว่าผมก็ทำมันอยู่แล้ว อาจเป็นเพราะผมเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลางที่ประสบการณ์ความทุกข์นั้นมีไว้เพียงแค่ให้ชิมเป็นสีสันเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ชีวิตอย่างเทวดาที่ลอยอยู่เหนือความเป็นไปอันแท้จริง ด้วยสถานะทางสังคม เศรษฐกิจ การศึกษา ฯลฯ หากจะบอกว่าการภาวนาได้ทำให้ชีวิตของผมหลุดออกจากการควบคุมเหล่านั้นก็ไม่ผิดนัก หรืออาจกล่าวได้ว่าการภาวนาทำให้ผมได้ประสบกับความทุกข์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ว่าได้ และเมื่อวันหนึ่งชีวิตได้ตกลงมาอยู่ในใจกลางความ(ทุกข์)จริง(ๆ)ท่ามกลางการพลัดพราก ความสูญเสีย ความผิดหวัง การถูกทำร้ายทางใจ ความอยุติธรรม และความรุนแรง เมื่อวันหนึ่งที่เรากำลังถูกต้อนให้จนมุมด้วยความจริงอันโหดร้ายของชีวิต โดยปราศจากการสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือใดๆหรือจากใครทั้งสิ้น ด้านหนึ่งเป็นความตายที่อยู่ใกล้จนเราได้กลิ่นและความเย็นเยือกกระทบที่ปลายจมูก และอีกด้านหนึ่งมีเพียงเส้นด้ายแห่งการดำเนินชีวิตที่ไม่มีความหวังหรือความฝันอะไรให้กับความประมาทได้อีก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางด้านในที่ทำให้เราเข้าใจถึงคุณค่าของการภาวนาในฐานะหนทางรอดเดียว เป็นการก้าวย่างออกเดินบนเส้นด้ายแห่งความไม่มีหวังเส้นนั้น ด้วยการอุทิศตนต่อพระรัตนตรัยในฐานะต้นกำเนิดแห่งแรงบันดาลใจสูงสุดและเพียงหนึ่งเดียว ที่จะทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตอย่างเต็มเปี่ยมบนหัวใจแห่งความสิ้นหวังนั้นได้

ขอให้เพื่อนๆใช้ชีวิตที่มีอยู่ในปี ๒๕๕๓ นี้อย่างเต็มเปี่ยม ด้วยหัวใจอันไร้ความหวังแต่ชุ่มชื้นด้วยพลังชีวิตอยู่เสมอ ขอให้หนทางแห่งการภาวนาคลี่เผยทอดยาวไปยังดินแดนแห่งประสบการณ์อันคาดไม่ถึง

ด้วยไมตรี
วิจักขณ์

___________________________________________

- ข่าวฝากประชาสัมพันธ์จากมณฑลวัชรปัญญาและบ้านตีโลปะ -
www.tilopahouse.com


๑. ชุมนุมโยคินีและโยคีครั้งที่ ๗: ๘.๓๐ ถึง ๑๘.๐๐ วันทั้งวันกับการนั่งเฉยๆ สำหรับเฉพาะผู้ที่เคยผ่านงานภาวนากับวิจักขณ์ มาแล้วเท่านั้น บ้านรับคนได้จำนวนจำกัด สำรองที่นั่งล่วงหน้าด้วยการแนะนำตัวและงานอบรมที่เคยผ่าน ระบุหัวอีเมล์ว่า "โยคีโยคินี๐๐๗" แล้วส่งมาที่ refish@tilopahouse.com ป.ล.พกปิ่นโตกับอาหารเที่ยงมากินร่วมกันที่บ้าน

๒. ๒๑-๒๔ มกราคม ๒๕๕๓ "PASSION ไฟตัณหา" กับ กัญญา ลิขนสุทธ์ และวิจักขณ์ พานิช เวิร์คช็อปสี่วัน ณ บ้านตีโลปะกับการร่วมกันสืบค้นการดูแลใจ ที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตแห่งความปรารถนาอันงดงามของความเป็นมนุษย์ ค้นพบแรงบันดาลใจแห่งการมีชีวิตอยู่ กระเทาะเปลือกแห่งสิ่งที่เราคิดว่าเราเป็น สู่ความเป็นตัวของตัวเองที่จริงแท้ เต็มเปี่ยมและทรงพลัง สมัครเข้าร่วมกิจกรรมท่านละ ๓๐๐๐ บาท รับจำนวนจำกัดเพียง ๑๕ ท่านที่ refish@tilopahouse.com

๓. ๑๖-๒๑ กุมภาพันธ์ ดุ่มเดินบนหนทาง กับอ.ประมวล เพ็งจันทร์ และวิจักขณ์ พานิช ใน "ชีวิตคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์" ปฏิบัติภาวนา จาริก สนทนาธรรม และปลีกวิเวก บนวิถีอันง่ายงามท่ามกลางแมกไม้ สายน้ำ และขุนเขา สนใจติดต่อ เสมสิกขาลัย semsikkha_ram@yahoo.com

๔. อ่านบทสัมภาษณ์วิจักขณ์ พานิช ในนิตยสาร Secret คอลัมน์ Live&Learn ฉบับมกราคม ๒๕๕๓
๕. อ่าน "ชีวิตง่ายๆ:การแสวงหาความง่ายให้ชีวิต" โดย วรจิตรา ได้ในวารสารพลัมฉบับ "ใจที่พอ พอที่ใจ" มกราคม - มีนาคม ๒๕๕๓