ขอบคุณสำหรับทุกชีวิตที่ร่วมสรรค์สร้างบ้านตีโลปะขึ้นมาคนละเล็กละน้อยจนเป็นภาพอย่างที่ปรากฏ
ขอบคุณท่านตรุงปะ เร้จจี้ และลี และธรรมาจารย์ในสายธรรมทุกท่าน ผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของบ้านหลังนี้
พ่อและแม่ สำหรับความเกื้อหนุนและความเสียสละ ที่มอบบ้านหลังนี้ให้เป็นสถานที่สำหรับผู้ประพฤติธรรม
อาจารย์สุลักษณ์ สำหรับความรักและกำลังใจ ที่คอยไถ่ถามถึงความเป็นไปของบ้านหลังนี้อยู่ตลอด ขอบคุณอาจารย์ที่ให้เกียรติมาเจิมบ้าน และนำพาเอาพลังที่ดีงามเป็นจุดเริ่มต้นให้แก่บ้านตีโลปะ
นภา สำหรับแรงกายและแรงใจ การอุทิศตนโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน และความอดทนต่ออุปสรรคต่างๆอย่างที่ไม่สามารถหาใครมาเสมอเหมือนได้ บ้านหลังนี้คงไม่สามารถเป็นรูปเป็นร่างได้หากปราศจากสิ่งที่นภามอบให้ด้วยชีวิต ขอบคุณสำหรับเว็บไซต์ที่งามเป็นที่สุด
พี่ต้อง และป้าจิตร สำหรับไม้จากบ้านลาดพร้าว ที่นำมาใช้สร้างบ้านทั้งหลัง
พี่หนึ่ง สำหรับมิตรภาพและกำลังใจ และสองเดือนที่ช่วยดูแลการก่อสร้างบ้านระหว่างที่ผมไปต่างประเทศ สำหรับสีบ้านอันจัดจ้าน ที่่โดนใจจนใจสั่น สำหรับการช่วยย้ายของไปมาหลายต่อหลายรอบ สำหรับการโอบอุ้มในช่วงเวลาที่ปลาไม่กระโดด และกำลังจะจมน้ำ
น้ำ และแอน สำหรับงานออกแบบบ้าน ที่ต้องอาศัยความอดทนต่อความเรื่องมากของเจ้าบ้านอย่างถึงที่สุด ขอบคุณน้ำที่แวะมาเยือนและดูรายละเอียดเล็กน้อยให้บ้านตีโลปะจนเสร็จสิ้น
พี่ยุทธ สำหรับความเต็มใจ เต็มกาย และความอดทนตลอดหลายเดือนที่มีให้กับบ้านตีโลปะ ดีใจมากที่ได้พี่ยุทธเป็นผู้คุมงานสร้างบ้านหลังนี้ หวังว่าวันหนึ่งบ้านคงจะได้ต้อนรับน้องผิงอัน และพี่นุชด้วย ขอบคุณต๋อ ที่มาช่วยดูรายละเอียดในช่วงที่พี่ยุทธไปทำหน้าที่พ่อ
ทีมช่างแสนประเสริฐ พี่จักร ลุงเบิ้ม พี่ชวน พี่เบิ่ง พี่ป๊อด พี่ต้อย และคณะ สำหรับทุกรายละเอียดของบ้าน ขอบคุณสำหรับมิตรภาพ ประสบการณ์ และความหมายของชีวิตมากมาย ที่ผมได้เรียนรู้จากการที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับพี่ตลอดการสร้างบ้านหลังนี้ ขอบคุณต้นตะเบบูย่าเหลืองสองต้นที่พี่จักรหอบมาฝากจากนครนายก และขอบคุณที่ให้ได้รู้จักรสชาติของใบกระท่อม
เอ็ม และติ สำหรับการมาช่วยจัดบ้าน ทำความสะอาดบ้าน และเตรียมงาน อย่างไม่มีปริปากบ่น ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่ไม่จำเป็นต้องสื่อสารออกมาด้วยคำพูดหวานๆ
คุณแม่ของนภา สำหรับการช่วยเย็บผ้าเบาะที่งดงามอย่างเรียบง่าย
พี่เหมียว เพื่อนบ้านที่แสนดี สำหรับการช่วยเป็นหูเป็นตาให้ ยามที่ไม่มีใครอยู่บ้าน
พี่อัญชลี สำหรับการให้เกียรติมาเป็นแขกคนแรกของบ้าน และแรงใจที่เกื้อหนุน
พี่หลิ่ง สำหรับผ้าเบาะลายผ้าถุง ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับห้องปฏิบัติ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ กำลังใจ และการช่วยเหลือให้คำปรึกษาทางจิต ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่งอกงามอย่างรวดเร็วในช่วงไม่นานที่ได้รู้จักกัน
ขอบคุณแขกทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยือนและมอบพลังที่ดีงามให้กับบ้าน และพลังใจอีกมากมายร้อยแปดจากทั่วทุกสารทิศที่ไม่สามารถกล่าวได้หมดสิ้นในที่นี้
และท้ายที่สุด ขอบคุณเยเช ที่จะอยู่ในใจพ่อตลอดไปในทุกหลืบมุมของบ้านหลังนี้ ...
ติดตามการเดินทางบทต่อไปของบ้านได้ที่
http://www.tilopahouse.com
20.11.09
19.11.09
2.11.09
จดหมายข่าววัชรปัญญาประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๒
Six Illusions
As Metaphors of Impermanence
Look there at all the objects appearing outside,
Fleeting visions, like last night’s dream.
When you recall they’re dream-like, these delusions make your mind uneasy.
Have you cut delusion at the root, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking inward at your body,
Transitory like a city of ghandharvas,
Its rising and falling make your mind uneasy.
Have you cut through [the fear of] birth and death, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking inward at the perceiving mind,
Fugitive like a bird in the crest of a tree,
So restless its makes your mind uneasy.
Have you taken a hold of mind’s secure ground, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking inward at the breath moving inside,
It’s impermanent like mist in the air.
The fading and passing of mist makes your mind uneasy.
Have you seen movement vanish on its own, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking at these friends assembled here,
They’re transient like crowds at a fair.
Once gathered, they’re sure to part, making your mind uneasy.
Have you set relations on a higher level, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking at the wealth collected here,
Evanescent like honey of the bees,
Someone else enjoying your things make your mind uneasy.
Have you opened the treasure of mind itself, Rechungpa?
When I reflect on this, the sublime Dharma comes to mind.
มายาแห่งความไม่เที่ยงทั้งหก
มองออกไป ยังวัตถุที่ปรากฏอยู่ภายนอก
ภาพซึ่งพริบตาเดียวก็หายวับไป ราวกับภาพฝันในคืนก่อน
เมื่อใดที่เธอระลึกได้ ช่างทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้ตัดภาพลวงตาที่รากของมันแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองเข้าไปในร่างกายที่ยาววาหนาคืบ
ปราศจากความยั่งยืนถาวร เหมือนนครแห่งคนธรรพ์
มีขึ้นมีลง ทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้ตัดผ่านความกลัวแห่งการเกิดและการตายแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองเข้าไปในจิตรับรู้
ไร้หลักเหมือนนกบนยอดต้นไม้
ไม่เคยมีเวลาได้หยุดพัก ทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้สร้างพื้นที่อันปลอดภัยในจิตบ้างแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองเข้าไปในลมหายใจที่เคลื่อนไหวอยู่ภายใน
ผันแปรเปลี่ยนไป ราวกับไอหมอกในอากาศ
การเลือนหายไปของมัน ทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้เห็นการเคลื่อนไหวจางคลายไปด้วยตัวของมันเองแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองไปยังหมู่เพื่อนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่
ประเดี๋ยวประด๋าว ราวกับฝูงชนในตลาดนัด
ครั้นมาเจอกัน ก็ต้องจากกันไป ทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้ตั้งความสัมพันธ์ไว้ในความหมายที่สูงพอแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองไปที่ความมั่งคั่ง อันได้ถูกสะสมไว้ที่นี่
จางใสแทบมองไม่เห็นเหมือนน้ำผึ้ง
ใครจะมามีสุขกับสิ่งของของเธอ ทำให้ใจอึดอัดสับสน
ทว่าเธอได้เปิดขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งใจตนแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ...
มิลาเรปะ
แปลโดย วิจักขณ์ พานิช
As Metaphors of Impermanence
Look there at all the objects appearing outside,
Fleeting visions, like last night’s dream.
When you recall they’re dream-like, these delusions make your mind uneasy.
Have you cut delusion at the root, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking inward at your body,
Transitory like a city of ghandharvas,
Its rising and falling make your mind uneasy.
Have you cut through [the fear of] birth and death, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking inward at the perceiving mind,
Fugitive like a bird in the crest of a tree,
So restless its makes your mind uneasy.
Have you taken a hold of mind’s secure ground, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking inward at the breath moving inside,
It’s impermanent like mist in the air.
The fading and passing of mist makes your mind uneasy.
Have you seen movement vanish on its own, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking at these friends assembled here,
They’re transient like crowds at a fair.
Once gathered, they’re sure to part, making your mind uneasy.
Have you set relations on a higher level, Rechungpa?
When I reflect on this, sublime Dharma comes to mind.
When looking at the wealth collected here,
Evanescent like honey of the bees,
Someone else enjoying your things make your mind uneasy.
Have you opened the treasure of mind itself, Rechungpa?
When I reflect on this, the sublime Dharma comes to mind.
มายาแห่งความไม่เที่ยงทั้งหก
มองออกไป ยังวัตถุที่ปรากฏอยู่ภายนอก
ภาพซึ่งพริบตาเดียวก็หายวับไป ราวกับภาพฝันในคืนก่อน
เมื่อใดที่เธอระลึกได้ ช่างทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้ตัดภาพลวงตาที่รากของมันแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองเข้าไปในร่างกายที่ยาววาหนาคืบ
ปราศจากความยั่งยืนถาวร เหมือนนครแห่งคนธรรพ์
มีขึ้นมีลง ทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้ตัดผ่านความกลัวแห่งการเกิดและการตายแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองเข้าไปในจิตรับรู้
ไร้หลักเหมือนนกบนยอดต้นไม้
ไม่เคยมีเวลาได้หยุดพัก ทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้สร้างพื้นที่อันปลอดภัยในจิตบ้างแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองเข้าไปในลมหายใจที่เคลื่อนไหวอยู่ภายใน
ผันแปรเปลี่ยนไป ราวกับไอหมอกในอากาศ
การเลือนหายไปของมัน ทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้เห็นการเคลื่อนไหวจางคลายไปด้วยตัวของมันเองแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองไปยังหมู่เพื่อนที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่
ประเดี๋ยวประด๋าว ราวกับฝูงชนในตลาดนัด
ครั้นมาเจอกัน ก็ต้องจากกันไป ทำให้ใจอึดอัดสับสน
เธอได้ตั้งความสัมพันธ์ไว้ในความหมายที่สูงพอแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ
เมื่อใดที่มองไปที่ความมั่งคั่ง อันได้ถูกสะสมไว้ที่นี่
จางใสแทบมองไม่เห็นเหมือนน้ำผึ้ง
ใครจะมามีสุขกับสิ่งของของเธอ ทำให้ใจอึดอัดสับสน
ทว่าเธอได้เปิดขุมทรัพย์ล้ำค่าแห่งใจตนแล้วหรือยัง เรชุงปะ
เมื่อฉันได้สะท้อนถึงสิ่งนี้ ธรรมะอันลึกซึ้งเอ่อล้นขึ้นในใจ...
มิลาเรปะ
แปลโดย วิจักขณ์ พานิช
Subscribe to:
Posts (Atom)