26.3.08

บางส่วนจากจดหมายถึงยิ่ง



"แม้เราจะได้เดินบนทางที่เราชอบ มันก็มักจะมีอุปสรรคให้เราได้ย้อนมองตัวเองอยู่ตลอดว่า "ที่ชอบน่ะชอบอะไร" มันเป็นเหมือนคำถามที่ไม่มีคำตอบ แต่มันติดตาม ท้าทายเราไปตลอด ให้เราได้สืบค้นแรงบันดาลใจส่วนลึกของเราไปเรื่อย ยิ่งลึกขึ้น ลึกขึ้น จนบางทีเรารู้สึกเหมือนว่า เราไม่อยากทำสิ่งที่ทำอยู่อีกต่อไปแล้ว ประมาณว่า "พอกันที" แต่น่าแปลกที่พอเราเจอกับภาวะนั้น เราก็ยังทำต่อ แต่เป็นการทำต่อที่ปล่อยวางมากขึ้น มีพื้นที่ให้ความสัปดนมากขึ้น และค้นพบวิถีทางในแบบของตัวเองมากขึ้น...

รู้สึกเหมือนว่านี่คือภารกิจของคนแต่ละรุ่น เราเรียนจากคนรุ่นก่อน ปรีชาญาณหรืออะไรก็แล้วแต่ เอามันเข้ามาสู่ตัวเรา แล้วยังไงไม่รู้ว่ะ วันนึงมันก็ตายไป สิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่มันไม่เหมือนเดิมซะทีเดียว ดูมันจริงขึ้นในแบบที่เราเป็น กระบวนการเกิดตายนี้มันไม่สิ้นสุดซักที แล้วดูเหมือนว่ามันจะยากซะเหลือเกิน คนเรามันไม่มีใครอยากตายหรอก แต่พอไม่ตายก็ไม่มีพื้นที่ให้อะไรเกิดใหม่

การเป็นคนเก่งหรือคนประสบความสำเร็จเนี่ยก็คงไม่น่าจะยากอะไรสำหรับคนแถวๆนี้ แต่ไอ้การเป็นคนจริงเนี่ยสิ ยากชิบหาย เพราะมีแต่เราคนเดียวที่รู้ ไม่ใช่ว่าเราไม่รู้จักพอ แต่เรารู้ว่าเรากำลังฝึกอะไรอยู่กับตัวเอง บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองบ้า ทำไมไม่ยอมทำอะไรๆให้เหมือนคนอื่นๆ แบบง่ายๆครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่ก็ไม่รู้ดิ ก็กูไม่ได้เป็นแบบนั้นนี่หว่า ทำไงได้ คือเรามันชอบท้าทายตัวเอง และชอบความสด เลือกเดินบนคมมีดให้บาดใจเล่น

พี่นับถือยิ่งและมีความรู้สึกร่วมหลายๆอย่างกับสิ่งที่ยิ่งเขียนเล่ามา แม้แต่ความรู้สึกอยากกลับบ้าน แต่ก็นั่นล่ะยิ่ง พี่เชื่อว่าคนอย่างยิ่ง พอกลับบ้านมาแล้ว ก็ยังจะมีการเดินทางต่ออยู่ดี อย่างพี่เองตอนนี้ก็ถามตัวเองอยู่เสมอว่า "บ้านจริงๆของกูอยู่ไหนวะ" หรือจริงๆแล้วกูเป็นคนไม่มีบ้าน...แต่ก็นั่นแหละ บ้านเราจะอยู่ไหนมันก็ขึ้นกับเรา เหมือนเป็นมณฑลแห่งความตื่น ที่เราจะพามันไปไหนต่อไหน วันนึงอาจจะพามันเดินทางไปกับเรา พบเจอผู้คน หรือวันนึงมันอาจจะหยุดกับที่ มีเมีย มีลูก มีบ้าน อันนี้คงแล้วแต่จังหวะเวลาหรือตามยถากรรม (ฮา)"

พี่ตั้ม