16.3.08

จดหมายข่าววัชรปัญญา มีนาคม ๒๕๕๑

สวัสดีครับเพื่อนๆ

ตอนนี้ผมอยู่เชียงราย แอบหลบลมร้อนในกรุงเทพ ขึ้นมาทำงานอยู่เงียบๆกับตัวเอง บรรยากาศเงียบสงบของบ้านสวน และการที่มีเวลาทำงานด้านในเพิ่มขึ้นทำให้ความโกลาหลของกราฟชันแห่งชีวิตของผมช่วงนี้ดูจะมีที่ทางของมันมากขึ้น นอกจากบทความชิ้นนึงที่กำลังเขียนให้กับจิตวิวัฒน์ ยังมีงานสำคัญชิ้นนึงที่ส่วนตัวรู้สึกตื่นเต้นกับมันเป็นอย่างมาก นั่นคือบท "สาธนาแห่งมหามุทรา" ภาคภาษาไทย ที่จะใช้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติในรูปแบบ "งานพบปะเลี้ยงฉลองของเหล่าโยคี (Feast Practice)" ที่ผมกำลังคิดว่าจะจัดให้มีขึ้นในเร็วๆนี้

แนวทางของ Feast Practice นั้นกำเนิดขึ้นในอินเดีย โดยในขณะนั้นวิถีพุทธแบบวัชรยานยังต้องฝึกฝนกันอย่างลับๆโดยปัจเจกบุคคลที่มีชีวิตอยู่ตามชายขอบของสังคม เส้นทางชีวิตของพวกเขาพาพวกเขามาในสถานการณ์ที่ "ไม่มีทางเลือก" เป็นจุดที่โดนตีตรา ตัดสินจากสังคมในทุกทาง แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังมุ่งมั่นฝึกฝนตนเองบนคมมีดแห่งชีวิตอย่างมุ่งมั่น ในคืนพระจันทร์เต็มดวงโยคีผู้กล้าเหล่านี้ก็จะมาพบเจอกันในป่าช้า เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ปฏิบัติร่วมกัน และ "เลี้ยงฉลอง" ด้วยมณฑลแห่งการตื่นรู้จากการฝึก บทสาธนาแห่งมหามุทราถือเป็นงานชิ้นสำคัญที่เชอเกียม ตรุงปะ ได้รจนาไว้ โดยที่เนื้อหาได้หลอมรวมเอาแก่นอันลึกซึ้งของวิถีพุทธวัชรยานไว้อย่างครบถ้วน

แม้ผมจะไม่ปฏิเสธกับยี่ห้อ "วัชรยาน" ที่ทุกคนพากันแปะให้กับนายวิจักขณ์ แต่ผมก็ยังขอยืนยันกับเพื่อนๆทุกคนถึงความมุ่งมั่นอุทิศตนในวิถีแห่ง "พุทธธรรม" ที่ไม่มีการแบ่งแยกลัทธินิกาย เพราะท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าความเข้าใจนั้นจะมาจาก วิถีแห่งอรหันต์ (เถรวาท) วิถีแห่งโพธิสัตว์ (มหายาน) หรือ วิถีแห่งสิทธา (วัชรยาน)ก็ตามที พลังแห่งการตื่นรู้อันเป็นความดีงามพื้นฐานภายในของมนุษย์ก็ยังคงดำรงอยู่แล้วอย่างไม่มีใครสามารถจะใส่ยี่ห้อหรือแบ่งขั้นความสูงต่ำของมันได้ วิถีการปฏิบัติทั้งหมดจำต้องตั้งอยู่บนความเข้าใจพื้นฐานที่สำคัญข้อนี้ด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ในฐานะวิถีปฏิบัติที่ไม่แยกขาดจากความเป็นจริงในชีวิตของคนเดินดินธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ไม่ได้ต้องการจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าการยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น คนจริงที่มุ่งมั่นที่จะเข้าถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตนเอง ภาพสะท้อนให้เห็นตัวเองชัดขึ้นไปอีกจากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น จนท้ายที่สุดเส้นทางนั้นจึงค่อยๆพาเขาเข้าสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง

ผมดีใจที่การฝึกอบรม "บนเส้นทางแห่งการฝึกตน" ทั้งสองครั้งผ่านไปได้ด้วยดี มีผู้เข้าร่วมเต็มตามจำนวนทั้งสองครั้ง แต่ก็เสียดายที่ระยะเวลาอันสั้นทำให้ผมไม่สามารถที่จะทำความรู้จักและรับฟังเรื่องราวบนเส้นทางแห่งการฝึกตนของเพื่อนๆแต่ละคนได้ลงลึกนัก แต่กระนั้นผมก็ถือว่าสองวันนี้ก็ได้บรรลุเป้าหมายเล็กๆของผมที่จะได้จุดประกายการตื่นรู้เล็กๆไว้ในใจของเพื่อนๆที่เข้ามาฝึกร่วมกัน ถือเป็นการให้โอกาสกับคนกรุงที่แทบจะไม่สามารถลาพักร้อนออกมาจากหน้าที่การงานหรือความรับผิดชอบทางครอบครัวได้มากนัก

กระนั้นผมก็ยังหวังว่า ประกายการตื่นรู้ที่ปรากฏขึ้นนั้นจะได้ฉายแสงเรืองรองส่องสว่างในใจเพื่อนๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามการฝึกฝนในชีวิตประจำวันของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นเพียงวันละ ๒๐ นาทีก็ยังดีกว่าปล่อยให้ชีวิตไหลไปตามข้อจำกัดความคิดแบบคุ้นชินเดิมๆอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และในอนาคตก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้มีเวลากลับมาฝึกกันอีก ไม่ว่าจะเป็น ๔ วันที่หมู่บ้านเด็ก ๗ วันที่สวนโมกข์ หรือจนถึงวันหนึ่งหากความบ้าของผมยังไม่ลดน้อยถอยลง และอายุขัยยังไม่สิ้น ก็จะเห็นการฝึกภาวนาเข้มแบบหนึ่งเดือนเต็ม ที่เรียกกันว่า "ดาทุน" ในเมืองไทยอย่างแน่นอนครับ

ท้ายสุดก็ขอให้เพื่อนๆมีชีวิตที่มีสีสันกันต่อไป จำไว้เสมอนะครับว่าไม่ว่าจะสุขทุกข์ประการใด เพียงแค่เรามีพื้นที่แห่งการตื่นรู้ภายในที่เปิดกว้าง ทุกประสบการณ์ ทุกผู้คน และทุกภาวะทางอารมณ์ก็สามารถถูกหลอมรวมเข้ามาเป็นเชื้อไฟให้กับการฝึกฝนของเราได้ทั้งสิ้น

ในสายธารธรรม
วิจักขณ์

๑๕ มีนาคม ๕๑
บ้านดอกแก้ว, เชียงราย