30.12.08

cutting through to fearlessness

With Lama Jigme Jinpa.
Monday January 5th, 2009,
7:00 pm - 9:00 pm.
Free and open to all!

We live on the edge of two polarized feelings. One one had, we constantly seek our comfort zone and an enhanced sense of security, well-being and happiness. This may range from a mild undertone to an intense craving or unquenchable drive. On the other hand, we have an ongoing sense that we might lose our ground and all our gains at any moment, ranging from a vague anxiety to an absolute terror. Bouncing between hope and fear, life is a constant struggle where any real resolution of our dilemma seems impossible.

Adapted from the teachings of MaChik Labdron, the great female mystic of the 11th century and founder of the lineage of Chöd, we will learn some simple, yet profound techniques for cutting off fixation and finding freedom from the double-edged sword of hope and fear.

Simple, yet profound techniques for cutting off fixation and finding freedom from the double-edged sword of hope and fear.
<more info>

ข่าวฝากประชาสัมพันธ์จาก เจมี่ เรนฮาร์ท บางกอก ชัมบาลา กรุ๊ป คร้บ

25.12.08

ภาวนากับการรับใช้สังคม






งาน "ภาวนากับการรับใช้สังคม" จบลงไปวันนี้
ก่อนอื่นต้องขอโทษคุณอุ๊และอั๋น ที่ปล่อยช้า
จนทำให้คุณอุ๊ตกรถไฟ และอั๋นต้องถ่อขับไปส่งถึงอยุธยา

งานนี้ถือเป็นงานที่รู้สึกตื่นเต้นและตื้นตัน
จากวันแรกที่แทบจะเดินเข้างานอย่างปราศจากพลังชีวิต
แต่ละวันที่อยู่ร่วมกันได้มอบแรงใจให้เราอย่างน่าอัศจรรย์
ความงดงามของหัวจิตหัวใจคนรุ่นใหม่ที่ฝันถึงสังคมที่ดีงาม
อีกทั้งยังกล้าหาญที่จะหมั่นขัดเกลาโลกด้านในของตน


"ภาวนากับการรับใช้สังคม"
โดย วิจักขณ์ พานิช
๒๒-๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๑
พนาศรม, ศาลายา

21.12.08

จดหมายข่าววัชรปัญญาประจำเดือนธันวาคม ๒๕๕๑

ในปี ๒๕๕๑ ที่ผ่านมา ผมได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมสามารถเผชิญและอยู่กับมันมาได้จนถึงวันนี้ ก็คือกำลังใจที่ได้รับจากงานอบรมภาวนาที่มีขึ้นตลอดปี เปรียบเหมือนพรอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้มีโอกาสร่วมฝึกฝนกับเพื่อนๆทุกคน โอกาสที่เราได้ภาวนาและให้พื้นที่ที่เราสร้างขึ้นมาร่วมกันได้สะท้อนสอนตัวเรา ในภาวะที่แต่ละคนกำลังเผชิญอยู่

กว่า ๒๐ เวิร์คช็อปและรีทรีททั้งระยะสั้นและระยะยาว และเพื่อนใหม่กว่า ๕๐๐ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เริ่มตั้งแต่งานแรกกับบริษัทรักลูกในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว, คอร์สภาวนา "บนเส้นทางแห่งการฝึกตน" ที่จัดให้กับเสมฯ รวม ๖ ครั้ง, สัมผัสแห่งการตื่นรู้ ที่สวนโมกข์นานาชาติ , ภาวนาคือชีวิต ที่เชียงใหม่, จิตวิญญาณแห่งนักรบ ที่เชียงราย, การอบรม "พื้นฐานจิตตปัญญาศึกษา" ให้กับบุคลากรในสถาบันการศึกษา ร่วมกับพี่ณัฐฬส และอ.ฌาณเดช, "ชุมนุมโยคี", และการอบรมเฉพาะกลุ่มอื่นๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ถือเป็นการทดลองที่จะสื่อสาร ฝึกตนเองในฐานะผู้ส่งสาร, และที่สำคัญคือใช้โอกาสนั้นในการขัดเกลาตนและเรียนรู้ข้อจำกัดของตัวผมเองไปด้วย

ผมไม่ได้รู้สึกว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีแห่งชื่อเสียงและความสำเร็จเลยแม้แต่น้อย เพราะผมยังคงให้ความสำคัญกับเส้นทางความจริงใจต่อตนเองมากกว่าสิ่งอื่นใด ทุกงานที่ผมทำยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกประหม่าและหวั่นใจอยู่บ้าง กระนั้นสิ่งที่ผมได้รับกลับมา คือ เรื่องราวของการเดินทางที่หลากหลายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แม้ผมจะไม่ได้เป็นคนที่ชอบสังคม หรือมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีมากนัก แต่ผมก็รู้สึกอบอุ่นที่เพื่อนร่วมฝึกแต่ละคนสามารถศรัทธาในเส้นทางชีวิตของตนเองโดยที่ยังดำรงไว้ซึ่งความปรารถนาดีต่อกันและกัน นั่นคือส่วนสำคัญของการเติบโตของผมตลอดปีที่ผ่านมา

ผมไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร หากวันนึงผมอาจจะต้องหยุดการจัดอบรมภาวนาที่ทำอยู่ทั้งหมด แล้วออกสู่ป่าอย่างโดดเดี่ยวอีกครั้ง เพราะทุกอย่างยังคงตั้งอยู่บนเหตุปัจจัยที่ผมไม่ได้เป็นคนกำหนด ความรักและความปรารถนาดีที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ปฏิบัติ เอ่อล้นออกมาจากความเศร้าที่ว่า เราไม่สามารถจะก้าวเดินบนเส้นทางชีวิตแทนใครได้ ทุกคนมีภารกิจที่โดดเดี่ยวในการที่จะยอมรับโชคชะตา และสายกรรมที่นำเรามาสู่การดำรงอยู่ ณ ปัจจุบันอย่างจริงใจที่สุด เราในฐานะผู้ฝึกตนบนวิถีแห่งพุทธธรรม ทำได้เพียงแค่ยอมรับและเติบโตไปกับปุ๋ยแห่งประสบการณ์นั้น เราไม่ต้องการที่จะขัดขืนกับสิ่งใดอีกต่อไป เราขอให้ทั้งหมดได้จบสิ้นสมบูรณ์ ในชีวิตที่เรากำลังเผชิญอยู่ ณ ปัจจุบันขณะ ขอที่จะเปิดรับ เรียนรู้ และทำความเข้าใจ ไม่ว่าเราจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม

ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนสำหรับกำลังใจและการที่ได้ผ่านเข้ามาในชีวิต จนทำให้ผมได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ในปีหน้าหวังว่าเราคงจะพบเจอและร่วมแบ่งปันทุกข์สุขกันบ้าง


จากใจที่เปราะบาง
วิจักขณ์

15.12.08

ก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่

บทความให้แง่คิดต่อการเผชิญความขัดแย้ง การยอมรับ สำนึก และให้อภัย



"กระบวนการ “คืนดี” ก็คงไม่ต่างจากความขัดแย้งส่วนบุคคลในแง่กระบวนการ ก่อนที่จะให้อภัยกันได้ คู่ขัดแย้งควรสำรวจตัวเองอย่างจริงใจ ถึงจุดบกพร่อง ถ้าสำรวจด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ต้องอาศัยคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้หวังดีที่มีความชอบธรรมจากภายนอกกลุ่มของตน จะเห็นได้ว่าความสามารถในการตระหนักรู้ และยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ได้นั้น ต้องอาศัย “การฟังอย่างลึกซึ้ง” ซึ่งเป็นการฟังด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความเมตตา ที่ตระหนักถึงความเป็นมนุษย์ผู้อาจพลาดพลั้งได้เหมือนๆ กัน ขอให้ได้ฟังเรื่องราวของคู่ขัดแย้งให้ “สุดๆ” ก่อนการตัดสินว่าผิด และปรารถนาความใจกว้างในการคิดในมุมกลับว่า ถ้าตนเองอยู่ในตำแหน่งเช่นนั้น ตนเองจะทำอย่างไร อาจมีการกระทำเช่นเดียวกันก็เป็นได้"

ปาริชาต สุวรรณบุปผา

อ่าน "ก่อนที่จะเริ่มต้นใหม่" >>>

14.12.08

หิมะกลางฤดูร้อน

สองสามวันก่อน พี่วิ ณ ธรรมทานมูลนิธิ โทรศัพท์มาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า อ่านหนังสือเล่มนึงแล้วคิดถึงวิจักขณ์ การพูดคุยจึงนำพาวิจักขณ์เข้าร้านหนังสือ ไปหยิบฉวยหนังสือเล่มนี้มาอ่าน

เรื่องราวการใคร่ครวญเส้นทางการฝึกตนของพระพม่าที่ชื่อโชติกะ ได้ถ่ายทอดออกมาด้วยภาษาที่สื่อถึงประสบการณ์ของคนหนุ่มนักแสวงหา แฝงไว้ด้วยเนื้อหาที่อ่านง่ายแต่ลุ่มลึก

ดูรายละเอียด "หิมะกลางฤดูร้อน Snow in the Summer"

6.12.08

จดหมายข่าววัชรปัญญาประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๑

จดหมายข่าวฉบับนี้ ขอนำถ้อยแถลงของเร้จจี้ มาให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ

"ในขณะที่ลัทธิ ศาสนา หรือความเชื่อบางสำนัก มีแนวโน้มที่จะไม่พูดถึงประสบการณ์ เส้นทางการแสวงหาสัจจะ หรือการตั้งคำถามอย่างถึงราก อันถือเป็นรากฐานที่สำคัญของการเรียนรู้เรื่องคุณค่าทางจิตวิญญาณ แต่ในวิถีแห่งพุทธธรรมแล้ว เราต่างถูกเชื้อเชิญให้ใช้ช่วงชีวิตของการเกิดมาเป็นมนุษย์เพื่อที่จะเรียนรู้ สืบค้น ตั้งคำถาม และน้อมนำทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเข้ามาเป็น “หนึ่งเดียวกับเส้นทางการฝึกฝน”

พุทธธรรมได้แสดงให้เราเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเราเป็นส่วนสำคัญ ในการนำพาเราไปสู่การรู้แจ้งโดยสมบูรณ์ และท้ายที่สุดเราจะตระหนักได้ว่าไม่มีสิ่งใดเลย ที่จะแยกเราออกไปจากเส้นทางการฝึกตนได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เราเสียใจต่อสิ่งที่เราเผชิญอยู่ และไม่มีสิ่งใดที่ถูกตัดสินและสรุปว่าเป็นข้อผิดพลาดของชีวิต เพราะทุกสิ่งคือการเรียนรู้ โอกาสที่จะพาเราไปสู่พื้นที่แห่งการยอมรับที่กว้างขึ้น เรายังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆบนการเดินทางแห่งจิตวิญญาณ แม้ในช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่าเราควรจะหลบหนีไปเลือกเดินทางอื่น

สิ่งนี้จะนำไปสู่พื้นฐานการมองโลกบนความดีงามพื้นฐานอย่างปราศจากเงื่อนไข ด้วยความเข้าใจคุณค่าและความหมายของการเกิดมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในตนเอง ซึ่งจะแสดงออกเป็นพลังแห่งความไว้วางใจที่จะคงอยู่กับชีวิตของเราตลอดไป แม้ในยามที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก อาจดูเป็นการยากที่จะเป็นไปได้ ที่จะมีวิถีปฏิบัติที่สามารถหล่อเลี้ยงสายธารของการมองโลกบนความเต็มเปี่ยมและความรื่นรมย์ในชีวิตแบบนั้น แต่เส้นทางที่เราเดินร่วมกันอยู่นี้ถือเป็นข้อยกเว้น พุทธธรรมได้ยืนยันให้เราได้เห็นถึงการเดินทางแห่งจิตวิญญาณอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในแต่ละชีวิตบุคคล ดังนั้นคุณค่าของมันจึงไม่สามารถถูกปิดกั้น จำกัด สรุป หรือ ตัดสินได้โดยสถาบัน ประเพณี หรือ อำนาจใดจากภายนอก การเดินทางอันเต็มเปี่ยมแห่งประสบการณ์ทางจิตวิญญาณของปัจเจกจะเผยให้เราได้เห็นได้ด้วยตัวของเราเอง ไม่ได้ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ ครูบาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ หรือศาสนา และจริงๆแล้วมันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่จะค่อยๆคลี่ออกเบื้องหน้าเรา ให้เราได้สัมผัสและเข้าใจสายธารชีวิตที่จะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก หากเราพร้อมที่จะเข้าไปเผชิญและทำความรู้จักชีวิตของเราในแต่ละขณะ

การเดินทางแห่งจิตวิญญาณไม่สามารถที่จะถูกพยากรณ์ หรือทำความเข้าใจล่วงหน้าได้เลยแม้แต่น้อย เพราะมันไม่ได้ถูกสรรค์สร้างหรือปรุงแต่งขึ้นโดยมนุษย์ การเดินทางแห่งจิตวิญญาณคือการเดินทางสู่ความไม่รู้อย่างแท้จริง เปรียบเสมือนการเดินทางสู่ท้องทะเลในมณฑลที่ไม่เคยมีใครแล่นเรือไปถึง ไม่เคยได้ถูกหยั่งประมาณ หรือระบุไว้ในแผนที่ หน้าที่ของวิถีปฏิบัติไม่ได้มีไว้เพื่อการจำกัดการแสวงหาทางจิตวิญญาณ ไม่ได้มีไว้เพื่อกีดกั้นประสบการณ์ การเดินทาง แต่เป็นไปเพื่อการเปิดโลกภายในของเราในเข้าไปสัมผัสมันได้อย่างตรงไปตรงมายิ่งขึ้น

วิถีปฏิบัติในที่นี้จึงเป็นดั่งแรงดลใจ ความท้าทาย และรากฐานในการสนับสนุน อีกทั้งยังมีเครื่องมือในการฝึกตนที่เป็นประโยชน์ กระนั้นก็ปราศจากชุดของคำตอบใดๆที่ตายตัว สายธรรมปฏิบัติทำหน้าที่เป็นเพียงพาหนะสำหรับการเดินทาง ซึ่งท้ายสุดก็คงแล้วแต่เราที่จะล่องเรือเดินทางไปสู่โลกใหม่อย่างแท้จริง เพื่อค้นพบอะไรตามที่ใจเราปรารถนาจะได้พบ ใช่แล้ว แง่มุมที่กล่าวมานี้ช่างน่าหวาดหวั่น แต่กระนั้นมันก็ได้แสดงถึงความท้าทายสูงสุดแห่งมนุษยชาติ สิ่งที่ยากที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งจะสามารถทำได้ แต่ทว่ามันก็ได้ถูกเขียนขึ้นภายในกายใจของเราตั้งแต่เริ่มต้น ในเลือด ในกระดูก ในรหัสพันธุกรรม และในทุกอณูรูขุมขนของร่างกาย เราไม่ได้เพียงแค่ค้นพบความเป็นไปได้ของการตระหนักรู้ถึงความเป็นมนุษย์ที่แท้ แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นก็คือ เราจะพบว่าชีวิตเรา คือ เส้นทางแห่งการสัมผัสคุณค่าทางจิตวิญญาณอันเปี่ยมไปด้วยมิติอันลุ่มลึกอย่างไม่อาจคาดคะเนได้"


เรจินัลด์ เรย์

5.12.08

เจ้าหนูเมาคลี





เจ้าแม่เยเชเดินสายปฏิบัติภารกิจ
ต้อนรับน้องใหม่อย่างต่อเนื่อง
๓ ธันวาคม ๒๕๕๑
ถึงคราของ "หนุ่มน้อยเมาคลี"
ลูกชายของป้านอยกับลุงแจ๊ค

2.12.08

หนูปิ่น ณ จิตตปัญญา

ขอแสดงความยินดีย้อนหลังแม่อ้อ และพ่อทอม
กับด.ญ.ปิ่น ผู้เป็นตำนาน
หลังจากที่คุณแม่จอมแกร่ง
หอบหิ้วหนูไปเรียนจิตตปัญญาเป็นเวลาหนึ่งเทอม
สงสัยท่าจะชอบนะ เลยออกมาสายซะอย่างนี้
ขอต้อนรับหนูปิ่นสู่โลกอันรุ่มรวยด้วยเรื่องราว...



เกิด ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
นน. ๓.๑ กิโลกรัม