30.10.08

“ภาวนากับการรับใช้สังคม”



“ภาวนากับการรับใช้สังคม”
โดย วิจักขณ์ พานิช
๒๒ – ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๑
ณ พนาศรม ศาลายา จ.นครปฐม

โครงการนี้จัดขึ้นเพื่อช่วยหนุนเสริมคนรุ่นใหม่ที่อุทิศตัวในการทำงานเพื่อสังคม ให้ได้มีกระบวนการเรียนรู้ที่ช่วยให้เข้าใจตัวเอง เพื่อนำไปสู่การทำงานเพื่อคนอื่นที่ได้เติมเต็มทั้งตัวเองและสังคมไปด้วยกัน เนื่องจากการจัดอบรมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากโครงการสุขแท้ด้วยปัญญา โดยเครือข่ายพุทธิกา และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้เข้าร่วมจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม

สนใจคลิ๊ก ที่นี่

the only way




always come back to the ground, the ground of our true practice that runs through our blood veins, our bones, our skin,...

solo retreat
9-28 october 2008
phulong, chaiyaphoom

17.10.08

บัณฑิตย่อมฝึกตน


<คลิ๊กที่รูปด้านบนเพื่ออ่าน>


อ่าน "บัณฑิตย่อมฝึกตน"
เส้นทางการขัดเกลาตนของคนจริง
ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ ๑๗-๒๔ ตุลาคม
คอลัมน์สามก๊ก ฉบับคนกันเอง
โดย เอื้อ อัญชลี

10.10.08

ชีวิตด้านใน


<คลิ๊กที่รูปด้านบนเพื่ออ่าน>


อ่าน "ขีวิตด้านใน"
เรื่องราวชีวิตการแสวงหาคุณค่าและความหมายของชายคนหนึ่ง
ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ ๑๐-๑๗ ตุลาคม
คอลัมน์สามก๊ก ฉบับคนกันเอง
โดย เอื้อ อัญชลี

4.10.08

richard reoch



The Shambhala Legend of Enlightened Society:
Words of Wisdom for a World at War
With Richard Reoch
Wednesday October 8th, 2008
7:00 pm to 9:00 pm
At the Monterey Place, 398 Soi Phai Sing To

ได้รับข่าวประชาสัมพันธ์จากเจมี่ เรนฮาร์ท เพื่อนที่ปัจจุบันมาตั้งรกรากแต่งงานกับสาวไทย เจมี่เคยเป็นนักเรียนของเรจจี้ แต่หลังจากที่เรจจี้แยกตัวออกมากจาก Shambhala International เจมี่ก็ตัดสินใจที่จะไม่กระโจนลงเรือพาย เลือกที่จะอยู่กับ Shambhala International ต่อไปในฐานะลูกศิษย์ของศากยัง มีปาม รินโปเช (ลูกชายของท่านตรุงปะ)

แต่กระนั้นเจมี่กับเราก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เจมี่จัดนั่งภาวนาทุกอาทิตย์ที่คอนโดมอนเทอเรย์ เพลส แถวศูนย์สิริกิติ์ โดยปกติก็จะเป็นการนั่งและสนทนาธรรม แต่หลายครั้งที่สถานที่แห่งนี้ได้ต้อนรับธรรมาจารย์ชาวทิเบตที่มาเยือนกรุงเทพฯ มาครั้งนี้เจมี่ได้เชิญริชาร์ด ริอ็อค มาเป็นแขกรับเชิญ

ริชาร์ด ริอ็อค ดำรงตำแหน่งประธานขององค์กรชัมบาลานานาชาติ (Shambhala International) ซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากองค์กรวัชรธาตุ ( Vajradhatu Organization) ที่ก่อตั้งโดยเชอเกียม ตรุงปะ ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบงานเผยแผ่หลักธรรมคำสอนในสายปฏิบัติของชัมบาลาในซีกโลกตะวันตก แม้เราจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรแม่ดังกล่าวมากนัก (เรจจี้เปรียบเหมือนลูกชายคนโตที่หนีออกจากบ้าน) แต่ครั้งนี้ก็ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้สัมผัสกับแนวทางที่ต่างออกไปในวิถีของชัมบาลา

แนวทางของ Shambhala International ไม่ได้มีอะไรที่ผิดเพี้ยน แถมยังถือเป็นอีกด้านที่สำคัญที่ท่านตรุงปะได้หย่อนเมล็ดเอาไว้ นั่นคือเป็นด้าน macro หรือ ลักษณะขององค์กรศาสนาขนาดใหญ่

หากเพื่อนๆมีเวลาว่างและสนใจก็ขอเชิญชวนนะครับ ทุ่มนึง ที่มอนเทอเรย์ เพลส ลงสถานีรถไฟฟ้าศูนย์สิริกิติ์ อยู่ฝั่งตรงข้าม เดินเข้าไปในซอยไผ่สิงโต น่าจะไม่เกิน ๕๐๐ เมตร เห็นจะได้

คนนอกกรอบ


<คลิ๊กที่รูปด้านบนเพื่ออ่าน>


อ่าน "คนนอกกรอบ"
เรื่องราวมิตรภาพ,ทัศนะ, และมุมมองของสองหนุ่มแปลก
ใน มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ ๓-๑๐ ตุลาคม
คอลัมน์สามก๊ก ฉบับคนกันเอง
โดย เอื้อ อัญชลี

1.10.08

จิตวิญญาณแห่งนักรบ









(บน) ปุ๊ก,หมอแล็ป,อ.ฌาณเดช,เก่ง,อ้วน,แอ๋ว,น้อง
(ล่าง) สร้อย,นุช,ณี,จอม,กาด,ตั้ม,จี๊ด,ปุ้ย,อุ๊ และ เจน(ถ่ายภาพ)

'heart of the warriorship'
6-day intensive retreat
with vichak panich
25-30 september 2008
mon din dang,
mae suay, chiangrai

22.9.08

จดหมายข่าววัชรปัญญา กันยายน ๒๕๕๑

วันก่อนได้รับอีเมล์จากนภา สะดุดกับเนื้อความตอนหนึ่งที่ว่า....
................

อาจารย์ชัยวัฒน์สอนว่า หัวใจของเราต้อง broken หลายๆครั้ง แล้วเราจะพบ real heart

"If we know how to hold our heartbreak, the heart breaks open into something larger. This tight little fist of a thing called the heart, by being broken open, now has new capacity to hold our own pain and our own joy, and a new capacity to hold the same in the larger world. "

Parker Palmer

.................

ถ้าหัวใจเป็นเหมือนก้อนเนื้อเชิงวัตถุธรรมก้อนนึง เวลาที่มันถูกทำให้เจ็บปวด เผชิญกับความสูญเสีย ความพลัดพราก การแตกสลายของมันก็คงนำมาซึ่งความดับสูญ ความพร่อง และความโกรธแค้น ทรมานแสนสาหัสของการหมดสิ้นแล้วทุกสิ่ง นั่นคือทัศนคติแบบปกป้องปิดกั้นของอัตตา เป็นวิถีของการมองโลกแบบแยกเป็นส่วนๆ, hope & fear, ควบคุมตามความยึดมั่นทางความคิดอย่างแข็งทื่อ และในความเป็นจริงเราต่างก็มีความคุ้นเค้ยกับการมองโลกแบบนั้นไม่มากก็น้อย ซึ่งสิ่งหนึ่งจะเข้ามาช่วยให้เรา "ตื่น" ขึ้น นั่นก็คือ ไฟแผดเผาของความทุกข์นั่นเอง

สำหรับผู้ปฏิบัติแล้ว "ความทุกข์คือหนทาง" มันคือข้อความแห่งความรักและความเมตตาแห่งสากลจักรวาล ที่ส่งผ่านโลกอันดำมืดของอัตตาที่เราคิดว่าสวยงามที่สุด สว่างงดงามที่สุด ไม่ว่าตัวตนของเราจะสมบูรณ์แบบแค่ไหน ความรักอันไม่มีเงื่อนไขแห่งจักรวาลก็พร้อมที่จะส่งผ่านให้เราเรียนรู้ที่จะเปิดรับกับแง่มุมของความเป็นมนุษย์ในด้านที่เรามองข้ามไปอยู่เสมอๆ ขอเพียงแค่เรายอมที่จะรับ และเปิดใจให้ไฟอันโชติช่วงแห่งประสบการณ์อันหมิ่นเหม่ ได้เผาผลาญความอหังการทางความคิด ที่ได้ปิดกั้นไม่ให้เราได้มองเห็นความเป็นไปได้อื่นๆในความเป็นมนุษย์

ความทุกข์คือเพื่อนแท้ ที่ไม่เคยโกหก มีแต่เราที่มักจะโกหก เสแสร้ง และกลบเกลื่อนกับเพื่อนคนนี้อยู่เสมอ ความทุกข์คือความเมตตา....คือเสียงอันอ่อนโยนของแม่ธรณีที่กระซิบข้างหูเราอย่างแผ่วเบา บอกให้เราได้...เปิด....ปล่อย....ผ่อน....วาง...ศิโรราบกับทุกประสบการณ์บนเส้นทางด้วยพื้นที่ของใจที่ไร้อคติ

พื้นที่ของใจจะเปิดออกได้ก็ด้วยการเสียดแทงของความทุกข์ หัวใจที่แตกออก สลายออก ก้าวข้ามความเป็นวัตถุธรรม สู่การสัมผัสรับรู้ทางจิตวิญญาณอันอ่อนโยน ที่แน่นอนว่ายิ่งจะเชื้อเชิญการรับรู้ที่ละเอียดอ่อนมากขึ้น และยิ่งจะสัมผัสจิตใจอันไร้กฏเกณฑ์ของเพื่อนมนุษย์ได้มากขึ้น

ท่ามกลางไฟร้อนแรงที่แผดเผา...ท้ายสุดก็ขึ้นอยู่กับเพียงตัวเรา ที่จะสามารถฝึกฝนให้ดำเนินอยู่บนวิถีแห่งความสงบเย็น ท่ามกลางความโกลาหลนั้นได้อย่างไร?

คำตอบไม่มีเขียนไว้ในหนังสือเล่มไหน จะพบได้ในชั่วขณะที่หัวใจแตกสลาย ศิโรราบให้กับภาวะแห่งการตื่นรู้ภายในเพียงเท่านั้น...

"A Heart Lost And Discovered"

If there is no full moon in the sky,
How is it possible to see the reflection in the pond?
If the tiger has sharp claws,
How is it possible not to use them?
How could we bake our bread
If there were no fire?
....
Those who have never cried in their lives, cry this time,
And shed tears that will water the earth:
So, we can produce further flowers and greenery.

Chogyam Trungpa Rinpoche

ระลึกถึงเพื่อนๆทุกคนเสมอ
วิจักขณ์

18.9.08

จากเพื่อนร่วมทาง



“วิถีพุทธธรรม” ก็เป็นดังพาหนะและเป็นรากฐาน ที่นำพาเราไปในการเดินทางของชีวิต การเดินทางที่เต็มเปี่ยม ไปด้วยความตื่นรู้ และความพร้อมในการเข้าไปดำเนินการกับชีวิต และธรรมะมีแง่มุมของความละเอียดอ่อน ให้เราได้แลเห็นคุณค่าในความเป็นจริงได้อย่างเหมาะสม ปราศจากความหยิ่งยโส และความก้าวร้าว เพื่อตระหนักรู้ว่า วันทุกวันเป็นวันใหม่ มันไม่เหมือนเดิม และทุกผู้คนไม่เหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่น่าเรียนรู้ ใช้ความอ่อนโยนที่ได้จากการปฏิบัติ เพื่อได้มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความจริงที่เป็น...

อ่าน "วิถีนักรบ ในสังคมปัจจุบัน"โดย พรเพ็ญ วงศ์กิจมโนชัย

อ่าน "แด่..เส้นทางแห่งการฝึกตน"โดย ปลายฟ้า

16.9.08

เสียงคำรามของพี่อ้อม



"วันนั้นเมื่อเราสังสรรค์กันที่โต๊ะอาหาร คุณสุนัยถามด้วยดวงตาสงสัยว่า คุณอ้อม ไหนบอกผมซิว่ามันทุกข์อะไรนักหนา เวลามีความทุกข์นั้นเกิดอาการอัศดงแล้วลนลานอยากขับไล่ไปให้ไกล แต่ตามตำราบอกว่ายิ่งต่อสู้ศัตรูยิ่งกล้าแข็ง และมันก็เป็นดังนั้นจริงๆ จึงต้องยอมจำนน ด้วยการทรุดตัวลงนั่งผูกสัมพันธ์กับอารมณ์ตัวเอง

นึกถึงคำสอนของท่านตรุงปะ ...จงปล่อยตัวเองให้จมอยู่กับห้วงอารมณ์ ค่อยๆผ่านมันไป สยบยอมต่อมัน แลสัมผัสลิ้มรสมันดังที่เป็น ณ บัดนี้คุณเริ่มต้นเป็นฝ่ายมุ่งเข้าไปหาอารมณ์ มากกว่าจะปักหลักให้อารมณ์โถมเข้าหาคุณ เมื่อนั้นก็จะก่อเกิดความสัมพันธ์ เกิดการจับคู่เริงรำ และแล้วพลังอันทรงศักดานุภาพก็จะกลายเป็นสิ่งที่ใช้การได้ยิ่งกว่าจะเป็นสิ่งที่ครอบงำ หากคุณไม่มีทีท่าต่อต้านทัดทาน เมื่อปราศจากการต่อต้าน ท่วงทำนองและจังหวะลีลาก็จะปรากฏขึ้นพร้อมกัน นี่เองคือสีหนาทบันลือ สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นในจิตอันเวียนว่าย ย่อมถือเป็นมรรควิธี

ประโยคนี้ชอบมากค่ะ ...ห้วงอารมณ์ของคุณหาได้เลวร้ายหรือบ้าคลั่งเป็นพิเศษ หากแต่เป็นการพวยพุ่งของพลัง แล้วก็พลิกตำราว่าด้วยพลัง การกระทำการร่วมกับพลังในแง่ของตันตระคือกระบวนการสลายคลายออกและปลดปล่อยให้เป็นอิสระ นี่เป็นประเด็นที่สำคัญยิ่ง เรากำลังพูดกันถึงเรื่องพลังในฐานะบางสิ่งบางอย่างที่แผ่ออกและเปิดกว้าง พลังกลายเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ทั่วทุกทิศทาง ปกคลุมอยู่ทุกหนทุกแห่ง ถ้าหากเราไปรวมศูนย์พลังไว้ในตน ก็เท่ากับหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว เราจะพบว่าตนเองเป็นเหมือนดั่งลูกงูที่ฉุนเฉียวและชั่วร้ายแต่ทว่าก็ยังเล็กนักหรือเราจะพบว่าเราคล้ายดั่งลูกนกยูงตัวน้อยที่เต็มไปด้วยความสิเนหา ดังนั้นยิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจดจำไว้ว่า โดยนัยแห่งพุทธตันตระ ถือว่าพลังเป็นสิ่งที่เปิดกว้างและครอบคลุมทุกหนทุกแห่ง มันแผ่ขยายออกตลอดเวลา มันเป็นพลังที่ไม่รวมศูนย์ หากเต็มไปด้วยความหลากไหล เป็นดุจน้ำ เป็นดั่งห้วงสมุทรและอวกาศ เป็นดั่งแสงอาทิตย์และแสงจันทร์.

หากพบคุณสุนัยจะเล่าว่า ความทุกข์นั้นมันเหมือนหมอกที่แผ่ซ่านคลอบคลุมทุกอณูกายค่ะ มันขื่นขมด้วยนะคะและหัวใจนั้นก็สั่นระรัวแล้วเต้นแผ่ว กลิ่นของมันซ่านในจมูกยากจะบรรยายว่าเป็นเช่นไรและอ้อยอิ่งสถิตอยู่ในนั้น ...และอีกนา นา เมื่อเราทรุดตัวลงนั่งด้วยยอมจำนนทุกอย่างก็คลี่คลาย ช่างสุดแสนจริงๆ แล้วเราก็มีอาการ ฮึ!แล้วไง สลายลง แล้วไง ไม่เห็นจะเกิดปัญญาอะไรเลย ที่จริงแล้วความทุกข์ทำให้เราลดความอหังการ์และเกิดเมตตา ในมุมมองเรื่องพลังทำให้ลดความจี๊ตได้มากค่ะ ช่วงนี้ไม่จี๊ตเลยมีความเข้าใจ รัก และเมตตา

ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา ฝึกทุกวันค่ะในเรื่องที่ครูตั้มสอน เพื่อว่าจะได้ชำนาญคล่องแคล่วในการนำมาใช้ แต่จะถูกต้องหรือไม่ก็ไม่ทราบค่ะ ฮ่า! ปลอบใจตัวเองว่าไม่มีอะไรถูกหรือผิด ตอนนี้ เปิด เปิด เปิด ผ่อนคลาย เริ่มเป็นมนต์ประจำตัวค่ะ"

อ้อม (ยังเหมียว เหมี๊ยว เหมียว หง่าว เปล่าคำรามก้องทั่วสารทิศ)

(จาก "ภาวนาคือชีวิต: เปิดมณฑลแห่งการตื่นรู้สู่การดำรงอยู่อย่างเต็มเปี่ยม")