3.12.06

never judge




if you can do it, do it.
if you can’t do it, it’s ok.
if things are difficult, be gentle.
if things are going well, be humble.

you are not so good and you are not so bad.
if bad is judgment—the same as good.
success and failure, pride and doubt in yourself.
who are you?
....
of course, you are you--
(can it be something else?)
please respect what you’re going through.
who can be the most honest to you, but you?

in the midst of the unfolding journey,
hold everything gently.
take it easy,
and be kind.

1.12.06

on the other hand..

even though it's very nice to see pictures of my teachers and friends at Suanmokh in this event, i also have a lot of doubts in what Satientham is doing. of course, this event seems successful in a sense of PR and marketing, but what's the essence of it all, really?

hmm...i don't know.
this just doesn't feel right to me.
i don't think ajarn buddhadasa would be very happy about what they are trying to do here.

i'm critical in what i see not because i hate these people, but sometimes, i think we have to be extremely critical as a budddhist practitioner in order to maintain the integrity of the genuine dharma. it's not always good to say "oh...good good. everything is good. Anumodhana Anumodhana..". otherwise, there might be only a watered-down version of Buddhism in the very near future.






เดินเท้าก้าวธรรม

รู้เรื่องราวงานเดินเท้าก้าวธรรมมาจากพี่ทิมมี่
ดูแกจะตื่นเต้นและภูมิใจกับงานบุญนี้เอาซะมากๆ
ผมก็เลยพลอยดีใจไปกะแกด้วย



นี่เลยครับพระอาจารย์สิงห์ทอง
ผู้อบรมสั่งสอนพระวิจักขณ์ ตลอดหนึ่งปีที่สวนโมกข์
หะ หะ ออกลายนักเลงจริงๆเลย อาจารย์เรา



หลวงพี่จ้อย ทำไมดูแก่อย่างนี้ก็ไม่รู้



สงสัยหลวงพี่จะเหนื่อย เพราะเดินเยอะ



ข้างหลังอาจารย์สิงห์ทองนั่นก็ หลวงพี่จักรี
เพื่อนร่วมบวชพรรษาเดียวกันที่สวนโมกข์



แม้งานนี้จะจบไปตั้งแต่ปลายเดือนตุลาที่ผ่านมา
แต่เห็นว่าอาจารย์สิงห์ทองกะหลวงพี่จักรียังเดินรอบประเทศอยู่
อาจารย์สิงห์ทองแกจะออกเดินธุดงค์ของแกทุกปี
ตามประสาพระกรรมฐานผู้มีฤทธิ์มาก...

เห็นภาพแล้วคิดถึงทุกคนที่สวนโมกข์จัง

ครัว (๒)


นิตยสารครัว (๑)



taste your shit

like other retreats i have done, i spent most of the time with my shits. perhaps, the only difference this time was that I had much less resistance. i'm less afraid to be with what is...instead of trying to act like pure or perfect. it feels really good, actually.

for example, if you have a tendency to really kill somebody out of your anger, i think the only way to work with that is to accept a murderer as part of you---feel how it's like for you wanting to kill someone, taste the anger in every cell and vein, and see the very nature of your mind and body in that situation. I don't think trying to tell yourself mentally that killing is a bad thing, so don't do it-- is going to work.




smell it
touch it
taste it
hmm...


chocolate shit.

25.11.06

เลิกถือพุทธ




"เมื่ออำนาจแห่งอาณาจักรได้ครอบงำพลังสร้างสรรค์ทางปัญญาแห่งธรรมจักรจนหมดสิ้น และเมื่อวงล้อแห่งธรรมจักรขาดเชื้อเพลิงแห่งการฝึกฝนตนเองของปัจเจก จนกลับกลายเป็นกลไกทางอำนาจให้กับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เมื่อนั้นธรรมจักรก็ไม่สามารถทำหน้าที่ขับเคลื่อนพลังทางปัญญาให้แก่อาณาจักรได้อีกต่อไป มีเพียงอัตตาของความเป็นพุทธแต่เพียงเปลือกที่กำลังปั่นวงล้อแห่งความอหังการ นำความเสื่อมถอยทางจิตวิญญาณให้แผ่ซ่านไปทั่วทุกหัวระแหง"

อ่านบทความ "เลิกถือพุทธ"
ตีพิมพ์ครั้งแรกใน คอลัมน์จิตวิวัฒน์
มติชนรายวัน เสาร์ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๙

18.11.06

panel at CSWR



The Problematics of Buddhism, Society, and the State in Thailand
October 23, 2006
Center of the Studies of World Religions
Harvard Divinity School, Cambridge, MA

A panel composed of CSWR director Donald Swearer, Thongchai Winichakul of the University of Wisconsin, and Thai Buddhist activist Sulak Sivaraksa, celebrating the birth centenary of Thailand's most influential monk of the twentieth century, Buddhadasa Bhikkhu, the major influence on progressive, reformist Buddhism in that country, both lay and monastic. This panel situated Buddhadasa within contesting views of Thai Buddhism in the broader context of Thai society and politics.

RealPlayer is required to listen to this event.

Click here to listen

เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม
คุณกชกรโทรมาบอกว่า แอบหนีงานไปฟังเลคเชอร์ที่ฮาร์วาร์ดมา
เล่าทุกรายละเอียดด้วยความตื่นเต้น
"นี่...มันดีมากๆเลยนะเธอ เสียดายไม่ได้เอาเครื่องอัดเสียงไป"

โปรเฟสเซอร์โดนัลด์เป็นลูกศิษย์ท่านอาจารย์พุทธทาส
ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการศูนย์ศาสนาโลกอยู่ที่ฮาร์วาร์ด
เขาเป็นฝรั่งที่น่ารัก อัธยาศัย จิตใจดี และพูดไทยชัดมาก
ผมเคยไปหาเค้าที่ฮาร์วาร์ดสองครั้ง คุยกันทีไรเค้าก็จะกระซิบบอกแบบยิ้มๆว่า
"stay at Naropa. don't ever come here."
....

อาจารย์ธงชัย สอนประวัติศาสตร์การเมืองอยู่ที่ U of Wisconsin at Madison
อดีตเคยต่อสู่ในสมัย ๖ ตุลา ถูกจับติดคุกอยู่พักนึง
ก่อนจะมาสอนอยู่ที่นี่เป็นสิบๆปีแล้ว

กชกรบอกว่าคนมาฟังเยอะมาก
แต่ที่แปลกคือ มีคนไทยมาฟังแค่สองคน...
น่าเศร้าที่แทบจะหาคนรุ่นใหม่ที่จะสนใจเรื่องของทิศทางพุทธศาสนากับสังคมไทยได้น้อยเสียเหลือเกิน...

พอได้ฟังเล็คเชอร์ ก็รู้สึกคิดถึงอาจารย์สุลักษณ์ขึ้นมาทันที...
เป็นเลคเชอร์ที่ดี ที่หากพูดที่เมืองไทยก็คงโดนแบน
อาจารย์พูดมันเสียจนผมไม่กล้าแปลเลยครับ (ฮา)

เสื้อแห่งความสุข??



เสื้อแห่งความสุข [MP3], 3.20MB
ลานนา คัมมินส์

เกิดเป็นพระราชาอยากได้ก็ได้อย่างใจ
อยากมีแต่สุขไม่ทุกข์ใจแต่หาไม่เจอซักที
ให้โหรช่วยทำนายโหรบอกให้ทำอย่างนี้
ก็ใส่เสื้อของผู้วิเศษที่เค้าไม่มีความทุกข์ใดๆ

ทหารของพระราชาออกตามหาแทบพลิกแผ่นดิน
ไม่พบไม่เจอไม่ได้ยินคนที่ไม่มีทุกข์ใจ
เสาะหานับแรมปีผู้วิเศษคนนั้นอยู่ไหน
ไม่ว่าจะหญิงจะชายก็ล้วนแต่มีความทุกข์ทุกคน

หาเท่าไรหาไม่เจอเสื้อแห่งความสุขนั้นอยู่ไหน
จะค้นจะหาเท่าไรก็ยังไม่พบไม่เจอสักที
หาเท่าไรหาไม่เจอคนๆ นั้นเค้าอยู่ที่ใด
คนที่ไม่เคยทุกข์ใจไม่มี

ก่อนตะวันจะลับปลายนาที่หน้ากระท่อมหลังหนึ่ง
แว่วเสียงถ้อยคำพร่ำรำพึงขอบคุณชีวิตแสนดี
เมื่อหิวก็แค่มีกินเมื่อหลับก็นอนฝันดี
แค่นี้ก็มีความสุขวันนี้ไม่มีความทุกข์ใดๆ

ทหารของพระราชาเสาะหามาทั้งแผ่นดิน
เพิ่งพบเพิ่งเจอเพิ่งได้ยินคนที่ไม่มีทุกข์ใจ
เหล่าทหารของพระราชาจึงกระแทกประตูเข้าไป
ได้พบเพียงชายยากไร้ไม่มีแม้เสื้อติดกายสักตัว

หาเท่าไรหาไม่เจอเสื้อแห่งความสุขนั้นอยู่ไหน
จะค้นจะหาเท่าไรก็ยังไม่พบไม่เจอสักที
หาเท่าไรหาไม่เจอความสุขนั้นมันอยู่ที่ใด
ลืมว่ามันอยู่ที่ใจตรองให้ดี

(จาก เว็บไซท์ คนชายขอบ www.fringer.org)

11.11.06

"ออกบวชกันเถอะ"




แม้เราจะไม่มีอะไรซักอย่าง
ไม่มีบ้าน รถยนต์ หรือเงินฝากในบัญชีธนาคาร
ไม่มีเสื้อผ้า สร้อยเพชร หรือเครื่องประดับราคาแพง
ไม่มีพ่อแม่ คนรัก หรือเพื่อน
ไม่มีเกียรติ ปริญญา หรือยศฐาบรรดาศักดิ์

ดูเหมือนเราก็ยังเป็นคนคนเดิม มีชีวิตชีวิตเดิม
เรา....คนธรรมดาๆคนหนึ่ง
คนเดินดินที่ไม่ต้องแบกเสียงบอกจากภายนอกว่าเราต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
มีแค่ความสามัญของความเป็นมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรี
ดีเสียอีกที่ชีวิตนี้ไม่มีใครมาช่วยเราใช้
...

การบวช แปลว่า การละ
เราละสิ่งเติมเต็มจากภายนอกเหล่านั้น
ปลอกเปลือกออก กลับสู่ความธรรมดา
ออกบวช
เป็น อนาคาริก
เป็นผู้ไม่มีสถานะ ไม่มีบ้าน ไม่มีที่พึ่ง...
เป็นนักเดินทาง ที่ไม่มีจุดหมาย

เพราะจุดหมายอยู่ในทุกย่างก้าว

<อ่านต่อ>